ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันอังคาร (11 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 559.33 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากแรงหนุนความคืบหน้าว่า ภาวะชัตดาวน์ในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อยาวนานใกล้จะสิ้นสุดลง ขณะที่หุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) นำโดย Nvidia ปรับตัวลดลง จากความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้นที่อยู่ในระดับสูงเกินจริง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 47,927.96 จุด เพิ่มขึ้น 559.33 จุด หรือ 1.18% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับ 6,846.61 จุด เพิ่มขึ้น 14.18 จุด หรือ 0.21% และดัชนีแนสแดค ปิดที่ 23,468.30 จุด ลดลง 58.87 จุด หรือ 0.25% นับตั้งแต่ต้นปี 2025 ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 13% ตามหลังดัชนี S&P 500 ที่เพิ่มขึ้น 16% และดัชนีแนสแดค ที่พุ่งขึ้นเกือบ 22% แรงหนุนสำคัญที่ทำให้ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ปิดในแดนบวก มาจากการที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เตรียมลงมติในร่างกฎหมายที่ยุติภาวะชัตดาวน์ โดยแพลตฟอร์ม Polymarket ประเมินความเป็นไปได้ 100% ว่าการชัตดาวน์จะสิ้นสุดลงภายในสัปดาห์นี้ 
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในหุ้นเทคโนโลยี AI ยังคงเผชิญแรงกดดัน หลังจาก SoftBank Group นักลงทุนเทคโนโลยีรายใหญ่ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่าได้ขายหุ้น Nvidia มูลค่า 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาหุ้น Nvidia ร่วงลงเกือบ 3% ขณะเดียวกัน หุ้นของ CoreWeave บริษัทคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia ดิ่งลงกว่า 16% หลังประกาศปรับลดคาดการณ์รายได้ทั้งปีจากปัญหาในศูนย์ข้อมูล ขณะที่ข้อมูลแรงงานภาคเอกชนจาก ADP บ่งชี้ว่า นายจ้างเอกชนในสหรัฐฯ ปลดพนักงานเฉลี่ยสัปดาห์ละ 11,250 ตำแหน่งในช่วง 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. ซึ่งยิ่งเพิ่มความกังวลต่อตลาดแรงงานและเศรษฐกิจ ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนว่า สหรัฐฯ อาจเผชิญหายนะทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ หากศาลสูงสุด มีคำตัดสินให้เขาไม่สามารถใช้กฎหมายอำนาจฉุกเฉิน เพื่อกำหนดอัตราภาษีศุลกากรในวงกว้างได้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่ม ที่คำนวณในดัชนี S&P 500 พบว่ามีถึง 10 กลุ่ม ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มเฮลท์แคร์ เพิ่มขึ้น 2.33% จากแรงหนุนของหุ้น Eli Lilly, Johnson & Johnson และ AbbVie ซึ่งต่างเพิ่มขึ้นกว่า 2% ขณะที่หุ้น Occidental Petroleum ปิดบวกเล็กน้อย 0.1% หลังรายงานผลกำไรไตรมาส 3 สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ด้านหุ้น Paramount Skydance ซึ่งเป็นบริษัทสื่อที่เพิ่งควบรวมกันใหม่ พุ่งขึ้นเกือบ 10% หลังประกาศแผนลดต้นทุนเพิ่มเติม และเตรียมลงทุน 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในธุรกิจสตรีมมิ่งและสตูดิโอภาพยนตร์ ที่มา Reuters 
|