BJC กำไรไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 637 ลบ. ลดลง 9.2%YoY รับยอดขายลดลง ของกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค ส่วนกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงเติบโต ขณะที่ 9 เดือนมีกำไร 2,718 ลบ. บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทในไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 637 ล้านบาท ลดลง 9.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้รวมในไตรมาส 3/68 เท่ากับ 40,123 ล้านบาท ลดลง 4.0% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่ลดลง โดยเฉพาะจากกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค ยอดขายและรายได้ค่าบริการอยู่ที่ 37,024 ล้านบาท ลดลง 3.9% อย่างไรก็ตาม ยอดขายกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจบริโภคและอุปโภค ในขณะที่รายได้อื่นอยู่ที่ 3,090 ล้านบาท ลดลง 4.7% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ค่าเช่าและการให้บริการที่ลดลง อันเนื่องมาจากผลกระทบระยะสั้นจากสาขาที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงและรายได้ค่าสาธารณูปโภคลดลง 
ทางด้านค่าใช้จ่ายรวมในไตรมาส 3/68 เท่ากับ 39,051 ล้านบาท ลดลง 3.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และ ต้นทุนขายสินค้าและบริการลดลงจากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ รวมถึงยอดขายที่ลดลง นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/68 บริษัทยังคงขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3/68 โดยได้เปิด บิ๊กซี มินิ จำนวน 20 สาขา ร้านหนังสือเอเชียบุ๊คส์ จำนวน 1 สาขา บิ๊กซี ฮ่องกง จำนวน 4 สาขา รวมทั้งมีการปิดสาขาบิ๊กซี ศรีนครินทร์ ไฮเปอร์มาร์เก็ต จำนวน 1 สาขา บิ๊กซี มินิ จำนวน 126 สาขา บิ๊กซี ฟู้ดเซอร์วิสฮับ จำนวน 1 สาขา ร้านขายยาเพรียว 1 สาขา และ ร้านกาแฟวาวีจำนวน 13 สาขาในระหว่างไตรมาส ส่งผลให้เครือข่ายร้านค้าของบริษัทมีร้านค้าไฮเปอร์มาร์เก็ต จำนวน 155 สาขา (รวมบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำนวน 1 สาขาในประเทศกัมพูชา และ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์จำนวน 1 สาขาในประเทศลาว) ร้านค้าขนาดซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 53 สาขา (บิ๊กซี มาร์เก็ตจำนวน 35 สาขา และ บิ๊กซี ฟู้ดเพลสจำนวน 16 สาขาในประเทศไทย และ 2 สาขาในประเทศกัมพูชา) ร้านค้าบิ๊กซี ฮ่องกง จำนวน 23 สาขา ร้านค้าบิ๊กซี มินิ จำนวน 1,492 สาขา (รวมสาขาแฟรนไชส์ในประเทศไทยจำนวน 77 สาขา และ บิ๊กซี มินิ จำนวน 20 สาขาในประเทศกัมพูชา) บิ๊กซี ดีโป้ จำนวน 11 สาขา บิ๊กซี ฟู้ดเซอร์วิส จำนวน 11 สาขา ตลาด Open-Air จำนวน 9 สาขา ร้านขายยาเพรียว จำนวน 144 สาขา ร้านกาแฟวาวีจำนวน 21 สาขา ร้านหนังสือเอเชียบุ๊คส์จำนวน 74 สาขา ในขณะที่เครือข่ายร้านค้าโดนใจมีจำนวน 19,844 สาขา ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 ส่วนงวด 9 เดือนปี 68 มีกำไร 2,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีรายการปรับปรุงภาษีเงินได้ของรอบระยะเวลาก่อนและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในไตรมาส 1 ปี 67 จำนวน 659 ล้านบาท หากไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานปกติ กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทที่ปรับปรุงแล้วงวด 9 เดือนประจำปี 68 อยู่ที่ 3,021 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2.2% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนรายได้รวมงวด 9 เดือนปี 68 เท่ากับ 123,529 ล้านบาท ลดลง 2.5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ยอดขายกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภคยังคงเติบโตได้อย่างโดดเด่น ด้านค่าใช้จ่าย งวด 9 เดือนปี 2568 เท่ากับ 119,207 ล้านบาท ลดลง 2.2% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้น รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงจากการรีไฟแนนซ์ซึ่งส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลดลง

|