ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามในข้อตกลงการค้าและแร่หายากที่กรุงโตเกียววันนี้ (28 ต.ค.) ส่งผลให้ข้อตกลงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรอบข้อตกลงที่ผู้นำคนก่อนของญี่ปุ่นเคยเจรจาการค้าไว้กับสหรัฐฯ มีผลอย่างเป็นทางการ ในระหว่างการประชุมสุดยอดที่กรุงโตเกียว ข้อตกลงดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองต่อความกังวลด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ภายหลังจีนประกาศเพิ่มเข้มงวดในการควบคุมการส่งออกแร่หายากเมื่อเดือนต.ค. ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมตั้งแต่สมาร์ทโฟนจนถึงเครื่องบินรบ โดยตามรายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เกิดขึ้นในช่วงที่จีนยังคงครองส่วนแบ่งการผลิตแร่หายากในตลาดโลก ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า "อะไรก็ตามที่ผมทำได้เพื่อช่วยญี่ปุ่น เราก็พร้อมที่จะทำ" ด้านทาคาอิจิให้คำมั่นว่าจะกระชับความร่วมมือกับสหรัฐฯ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯ และญี่ปุ่นได้ลงนามในเอกสารว่าด้วยการค้าและแร่ธาตุสำคัญ เพื่อให้ส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่เคยเจรจาไว้ในสมัยนายชิเงรุ อิชิบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีผลอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงคำมั่นของญี่ปุ่นที่จะลงทุน 550,000 ล้านดอลลาร์ในโครงการของสหรัฐฯ 
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงใหม่นี้ยังคงมีความคลุมเครือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อตกลงแร่ธาตุสำคัญที่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน โดยทั้งสองฝ่ายเพียงให้คำมั่นว่าจะประสานงานร่วมกันในด้านการออกใบอนุญาต, การจัดหาเงินทุน และการทำแผนที่ ในช่วงบ่ายวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทรัมป์และทาคาอิจิมีกำหนดเดินทางไปยังเมืองโยโกสุกะ (Yokosuka) ทางตอนใต้ของโตเกียว ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือของสหรัฐฯ โดยคาดว่าทรัมป์จะกล่าวสุนทรพจน์ที่นั่น ก่อนจะพบปะหารือกับผู้นำธุรกิจของญี่ปุ่นในช่วงเย็น เพื่อเจรจาส่งเสริมให้มีการลงทุนและการผลิตในสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผลสำรวจจากหนังสือพิมพ์ Nikkei ชี้ว่า รัฐบาลของทาคาอิจิมีคะแนนนิยมสูงถึง 74% ส่วน Asahi และ Mainichi รายงานตัวเลขอยู่ที่ 68% และ 65% ตามลำดับ การเดินทางเยือนญี่ปุ่น ของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้ ถือเป็นบททดสอบสำคัญทางการทูตครั้งแรกของทาคาอิจิ หลังจากเพิ่งปรากฏตัวบนเวทีระหว่างประเทศที่การประชุมสุดยอดอาเซียนในมาเลเซียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มา Reuters และ Bloomberg 
|