สหรัฐฯ เผยยอดค้าปลีก และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดการณ์ ในเดือนก.ย. ท่ามกลางราคาสินค้าที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากมาตรการภาษี ขณะที่ยอดขาดดุลงบประมาณเดือนต.ค. ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2026 อยู่ที่ 284,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 0.4% บ่งชี้ว่าผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้ยอดใช้จ่ายจะยังคงทรงตัวได้ดีตลอดปี 2025 แต่สัญญาณความอ่อนแรงกำลังชัดเจนขึ้น ยอดค้าปลีกที่ชะลอลงนี้ เกิดขึ้นหลังจากการขยายตัวต่อเนื่องหลายเดือน และถือเป็นการส่งผ่านที่อ่อนแรงเข้าสู่ไตรมาส 4 นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ตลาดแรงงานที่กำลังซบเซา เห็นได้จากอัตราว่างงานที่อยู่สูงสุดในรอบ 4 ปี ทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.7% จากปีก่อน สอดคล้องตัวเลขกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนก.ย. จากปีก่อน ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.7% นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังรายงานว่า รัฐบาลกลางขาดดุลงบประมาณ 284,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2026 โดยตัวเลขดังกล่าว ถูกเลื่อนประกาศจากผลกระทบของการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาล ที่ยาวนานเป็นประวัติการณ์ 43 วัน ส่งผลให้การรายงานล่าช้าและมีการเลื่อนการจ่ายเงินบางส่วนเข้าสู่เดือนต.ค. 
กระทรวงฯ ระบุว่า การชัตดาวน์ทำให้การจ่ายเงินประเภทเงินเดือนพนักงานรัฐและภาระผูกพันอื่น ๆ เลื่อนออกไป โดยกฎหมายกำหนดให้รัฐต้องจ่ายเงินค้างทั้งหมดเมื่อการเปิดทำการกลับมา โดยยอดขาดดุลเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10% จากระดับ 257,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. 2024 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเลื่อนจ่ายสวัสดิการของกองทัพและโครงการด้านสาธารณสุขมูลค่ารวมประมาณ 105,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากเดือนพ.ย. เข้ามาอยู่ในเดือนต.ค. หากปรับผลกระทบนี้ออก ยอดขาดดุลที่แท้จริงของเดือนต.ค. จะอยู่ที่ราว 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 29% จากตัวเลขปรับฐานของปีก่อนที่ 252,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายจ่ายรวมเดือนต.ค. อยู่ที่ 689,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 18% จาก 584,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อนหน้า โดยกระทรวงการคลังระบุว่า ยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจนว่า ผลกระทบจากความล่าช้าจากภาวะชัตดาวน์ ลดการใช้จ่ายลงไปเท่าใด แต่เชื่อว่าไม่เกิน 5% ของรายจ่ายทั้งหมด ด้านรายรับรัฐบาลกลาง ทำสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนต.ค. อยู่ที่ 404,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 24% จาก 327,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. 2024 ทั้งนี้ รายได้จากภาษีศุลกากรสุทธิในเดือนต.ค. พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 31,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากผลของมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศใช้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค. ตัวเลขนี้สูงกว่าสถิติก่อนหน้าที่ 29,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.ย. และมากกว่าระดับ 7,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. 2024 กว่า 4 เท่า ที่มา Reuters (1), (2) และ CNBC 
|