ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าเกี่ยวกับสารเฟนทานิลจากจีนลงครึ่งหนึ่ง และขยายเวลาระงับการเก็บภาษีตอบโต้ต่อสินค้าจีนบางรายการออกไปอีก 1 ปี ถือเป็นการยืนยันข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่ที่บรรลุร่วมกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง อย่างเป็นทางการ คำสั่งฝ่ายบริหารดังกล่าวออกเมื่อวันอังคาร (4 พ.ย.) และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. เป็นต้นไป โดยอัตราภาษีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลจะลดลงจาก 20% เหลือ 10% ขณะที่ภาษีตอบโต้สินค้าจีนของสหรัฐฯ จะคงอัตราที่ลดลงจาก 34% เหลือ 10% ต่อไปอีก 1 ปี ซึ่งการลดอัตราภาษีครั้งนี้ ถือเป็นการผ่อนปรนเชิงนโยบายครั้งสำคัญต่อจีน และเป็นส่วนหนึ่งของกรอบความตกลงทางการค้าฉบับใหม่ระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิง ซึ่งมุ่งผ่อนคลายข้อจำกัดทางการค้าและยุติการตอบโต้ด้านภาษีที่ทวีความรุนแรงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อัตราภาษีที่ลดลง ถือเป็นการผ่อนปรนครั้งสำคัญต่อจีน และเป็นส่วนหนึ่งของกรอบข้อตกลงระหว่างทรัมป์กับสี จิ้นผิง ที่มุ่งคลายความตึงเครียดทางการค้า หลังการประกาศใช้ภาษีและข้อจำกัดการส่งออกที่กินเวลานานหลายเดือน โดยประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า การตัดสินใจขยายเวลาการลดภาษีเกิดจากคำมั่นของจีนในการยกเลิกการควบคุมการส่งออกแร่หายากและแร่สำคัญอื่น ๆ รวมถึงการยุติการตอบโต้บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ 
ขณะที่จีนให้คำมั่นว่า จะกลับมาซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ อีกครั้ง ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า “จีนตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรที่สำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐฯ รวมถึงถั่วเหลือง ข้าวฟ่าง และไม้ซุง” พร้อมทั้งจะระงับภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ สำหรับประเด็นสารเฟนทานิล ประธานาธิบดีทรัมป์ชี้ว่า จีนมีความคืบหน้าในการปราบปรามการค้ายาเสพติดอันตรายชนิดนี้และสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิต โดยในคำสั่งระบุว่า “รัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นที่จะดำเนินมาตรการสำคัญเพื่อยุติการไหลเข้าของเฟนทานิลสู่สหรัฐฯ รวมถึงการหยุดส่งออกสารเคมีบางประเภทไปยังอเมริกาเหนือ และเข้มงวดการส่งออกสารเคมีที่เกี่ยวข้องไปทั่วโลก” ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า “หากรัฐบาลจีนไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ ตนอาจปรับเปลี่ยนคำสั่งตามความเหมาะสม” โดยข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งมีระยะเวลา 1 ปี ถือเป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างขู่ว่าจะเพิ่มมาตรการทางภาษีเพื่อสร้างอำนาจต่อรองก่อนการประชุม APEC อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ยังไม่ใช่กรอบระยะยาว และอาจต้องกลับมาเจรจาใหม่ในปีหน้า รวมถึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดข้อพิพาทด้านการบังคับใช้ในระยะสั้น ทั้งนี้ แม้ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยลดความไม่แน่นอน แต่ภาพรวมของภาษียังไม่ชัดเจน เนื่องจากสินค้าหลายรายการยังคงได้รับการยกเว้นจากภาษีพื้นฐาน และบางสินค้าก็ยังเผชิญกับอัตราภาษีเดิม ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า มีแผนจะเดินทางเยือนจีนในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า และจะเชิญประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เยือนสหรัฐฯ หลังจากนั้น ที่มา Bloomberg 
|