BANPU โชว์งบ Q3/68 พลิกมีกำไร 1,054 ลบ. โต 227% เหตุธุรกิจโรงไฟฟ้าในจีนและโรงไฟฟ้า-ธุุรกิจก๊าซฯสหรัฐสดใส หนุนงวด 9 เดือน ขาดทุนลดลงเหลือ 373 ลบ. ส่วนด้าน BPP เผยมีกำไร 1,160 ลบ. โต2% รับอานิสงส์ต้นทุนถ่านหินที่ลดลง บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/68 บริษัทมีกําไรสุทธิอยู่ที่ 1,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 227% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 829 ล้านบาท เนื่องจากผลกําไรจากการดำเนินงานที่ดีของส่วนงานผลิตพลังงานทั้งในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในประเทศจีนและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐ ประกอบกับผลกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจก๊าซในประเทศสหรัฐฯจากปริมาณการขายและราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าจะมีรายได้จากธุรกิจถ่านหินที่ลดลงตามราคาตลาด
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีปริมาณขายถ่านหินรวมเพิ่มขึ้นและต้นทุนขายเฉลี่ยต่อตันที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บริษัทรับรู้ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาทต่อสกุลเงินสหรัฐฯ และรับรู้กำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงินลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 
ด้านรายได้จากการขายรวมจํานวน 1,358 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่า 43,878 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็น 1% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจก๊าซ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ, ธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำ 33 ล้านเหรียญสหรัฐ และธุรกิจอื่นๆ 92 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่มีรายได้ลดลงจากธุรกิจถ่านหิน 145 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับงวด 9 เดือนปี 68 บริษัทมีผลขาดทุนรวม 373 ล้านบาท หรือลดลง 122% จากงวดเดียวกันปี 67 ที่มีกำไรสุทธิ 1,658 ล้านบาท ด้านบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/68 บริษัทมีกําไรสุทธิอยู่ที่ 1,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,133 ล้านบาท จากผลการดำเนิงานของโรงไฟฟ้า SLG และโรงไฟฟ้าพลงความร้อนร่วมในประเทศจีน โดยหลักจากต้นทุนถ่านหินที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯมีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากราคาขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น แต่ด้วยผลกระทบจากกำไรจากการวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงินที่น้อยกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจึงรายงานกำไรลดลง นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯรับรู้ผลขาดทุนสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการแข็งค่าของเงินสกุลบาทที่ลดลงในระหว่างไตรมาส และรวมถึงมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายรวมจำนวน 7,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 568 ล้านบาท คิดเป็น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายไฟฟ้าของธุรกิจไฟฟ้าในประเทศสหรัฐจำนวน 762 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในประเทศจีนลดลงจำนวน 194 ล้านบาท นอกจากนี้ส่งผลให้สำหรับงวด 9 เดือนปี 68 บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 3,007 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.7% จากงวดเดียวกันปี 67 ที่มีกำไรสุทธิ 2,792 ล้านบาท |