ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเผชิญแรงกดดันจากความไม่พอใจของประชาชน ที่กังวลเรื่องเงินเฟ้อ เตรียมพบปะกับเจ้าของธุรกิจและซัพพลายเออร์ของเครือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด McDonald’s เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการกดต้นทุนค่าครองชีพ พร้อมยอมรับว่ายังมีงานอีกมากที่ต้องทำ ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งปี 2024 ประธานาธิบดีทรัมป์ ให้คำมั่นว่าจะลดค่าครองชีพของชาวอเมริกัน และยังยืนยันว่ามาตรการลดภาษีและการส่งเสริมการผลิตภายในประเทศของรัฐบาล จะช่วยเพิ่มรายได้จริงของประชาชนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แม้ล่าสุดจะยอมรับว่า ผลของนโยบายดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาในการส่งผลต่อเศรษฐกิจ “ในฐานะประธานาธิบดี ผมต่อสู้ทุกวันเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กอย่างพวกคุณ” พร้อมระบุว่ายังมีงานอีกมากและรัฐบาลก็กำลังคืบหน้าไปมาก ต้นทุนสินค้าในสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้น โดยส่วนหนึ่งมาจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ บังคับใช้กับเกือบทุกประเทศ โดยความกังวลเรื่องเงินเฟ้อช่วยผลักดันให้พรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นหลายพื้นที่ในเดือนนี้ ขณะที่ความนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังเผชิญภาวะซบเซาเพราะประชาชนผิดหวังกับราคาสินค้าที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้ ไม่มีมาตรการใหม่เพิ่มเติม แต่กล่าวในหลายประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้า ด้านคริส เคมป์เซนสกี ซีอีโอ McDonald's เตือนเมื่อต้นเดือนว่า ผู้บริโภครายได้น้อยกำลังรับภาระเงินเฟ้อที่รุนแรง บริษัทจึงยังคงทำตลาดชุดเมนูราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐ มานานกว่า 1 ปี เพื่อช่วยลดแรงกดดันต่อผู้บริโภคกลุ่มนี้ แม้ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐฯ เคยยืนยันว่า ภาษีนำเข้าของเขาไม่ทำให้ราคาพุ่ง แต่ต้องเปลี่ยนท่าทีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยการประกาศยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าอาหารมากกว่า 200 รายการ รวมถึงกาแฟและกล้วย ก่อนจะยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่าภาษีนำเข้าอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้นในบางกรณี 
พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังเสนอไอเดียเช็คเงินสด 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้ประชาชนรายได้ต่ำ–ปานกลาง โดยใช้รายได้จากภาษีนำเข้าเป็นแหล่งเงินทุน แต่ต้องได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรส นอกจากนี้ยังเสนอให้ใช้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแบบ 50 ปี เพื่อลดภาระผ่อนรายเดือน แม้จะทำให้ดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่ายสูงขึ้นก็ตาม ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ยังย้ำว่า เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ต่ำกว่าในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเคยพุ่งขึ้นถึงประมาณ 9% แต่ประชาชนยังไม่เชื่อเช่นนั้น โดยดัชนี “Big Mac Index” ชี้ว่าราคา Big Mac เฉลี่ยอยู่ที่ 6.01 ดอลลาร์สหรัฐ ณ เดือน ก.ค. เพิ่มจาก 5.69 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีก่อน นอกจากนี้ ราคาวัตถุดิบอาหารยังเป็นปัจจัยกดดัน โดยราคาเนื้อบดเฉลี่ยอยู่ที่ 6.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 13.5% จากปีก่อน ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยายตัว 3% YoY ในเดือน ก.ย. สูงสุดตั้งแต่เดือน ม.ค. โดยกว่าครึ่งของหมวดสินค้าที่ติดตามมีการปรับขึ้นมากกว่าอัตราเฉลี่ยดังกล่าว ขณะที่ราคาอาหารสำหรับบริโภคในบ้านเพิ่มขึ้น 2.7% YoY ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนเดินทางภายในประเทศก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อผลักดันวาระด้านเศรษฐกิจ และเน้นย้ำความพยายามในการลดค่าครองชีพของประชาชน พร้อมอาจประกาศมาตรการใหม่เพื่อปราบต้นทุนด้านสาธารณสุข โดยคาดว่าประธานาธิบดีทรัมป์ จะเพิ่มความถี่ในการเดินทางภายในประเทศตั้งแต่ต้นปี 2026 เพื่อเร่งผลักดันนโยบายต่อสู้กับเงินเฟ้อและราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างความไม่พอใจให้ชาวอเมริกันและกดดันคะแนนนิยมของเขาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ มีแผนนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลดภาษี มาตรการจำกัดภาษีสำหรับค่าล่วงเวลา และการเดินหน้าลดราคาเวชภัณฑ์ รวมถึงยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ ทั้งนี้ แม้ยังไม่มีตารางเดินทางที่ชัดเจน แต่หนึ่งในจุดหมายที่อาจไปเยือนคือ ลาสเวกัส ซึ่งเป็นเมืองที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศนโยบายลดภาษีทิปครั้งแรกระหว่างการเลือกตั้งปี 2024 โดยงานต่าง ๆ คาดว่าจะมีลักษณะใกล้เคียงเวทีหาเสียงขนาดใหญ่และจัดในร่ม เนื่องจากข้อกังวลด้านความปลอดภัย ภายหลังเกิดความพยายามลอบทำร้ายประธานาธิบดีทรัมป์ 2 ครั้ง ระหว่างการหาเสียงปี 2024 ที่มา Reuters (1) และ (2)

|