MC เผยรายได้ Q1 ปี 68-69 แตะ 901 ลบ. บวก 7% รับช่องทางออนไลน์โตแรง 100% ฟากกำไร Q1 ปี 68-69 แตะ 123 ลบ. ลั่นปี 69 เดินหน้าลุยธุรกิจเติบโต หลังมีเงินสดในมือ 2 พันล้าน-ไม่มีหนี้
นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เปิดเผยว่า ทั้งนี้ผลดำเนินงานในงวดไตรมาส 1 ปี บัญชี 2569 (1 ก.ค 2568 – 30 ก.ย. 2568) บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้ารวม 901 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59 ล้านบาท หรือ 7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
เป็นผลจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้จากช่องทางออนไลน์ ที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในงวดนี้สัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 28% ของยอดขายรวม จากก่อนหน้าอยู่ที่ 15% ส่วนช่องทางออฟไลน์มีรายได้ลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ทำให้ประชาชนใช้สอยนอกบ้านลดลง
“ยอดขายของ แม็คกรุ๊ป ผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตดีมากในงวดนี้มีรายได้รวมทั้งสิ้นรายได้ 252 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 126 ล้านบาทหรือ 100.8% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน ขณะที่ สัดส่วนรายได้ช่องทางร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) ลดลงมาอยู่ 55% จากงวดก่อนหน้าอยู่ที่ 66% โดยมี รายได้ 496 ล้านบาท ลดลง 58 ล้านบาทหรือ 10.5% , ห้างสรรพสินค้า (Department Store) มีสัดส่วน 16 %ลงมาจาก 17% โดยมีรายได้ 142 ล้านบาทลดลง 6 ล้านบาทหรือ 3.8%และช่องทางอื่น ๆ คิดเป็นสัดส่วน 1%” นายแมทธิวกล่าว
ส่วนในไตรมาส 1 ปีบัญชี 2569 บริษัทมีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท ลดลง 10 ล้านบาท หรือ 7.6% โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 13.4% ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากรายได้อื่นที่เกิดขึ้นครั้งเดียวและบันทึกบัญชีในปีก่อนไปแล้ว และหากดูผลดำเนินงานปกติ ในงวดไตรมาสนี้ จะเห็นว่า บริษัทมีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30 ล้านบาทหรือ 5.5 % จากยอดขายที่สูงขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่ที่ 64.4 % ยังทรงตัวในระดับสูงแม้ว่า บริษัทจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นยอดขายจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ในช่วงรอยต่อของรัฐบาล

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราวรวม 2,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89 ล้านบาทหรือ 4% จาก 1,984 ล้านบาทเทียบงวดเดียวกับปีก่อน และมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 5,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% หรือ 229 ล้านบาท เปรียบเทียบกับวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 5,500 ล้านบาท ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 3,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126 ล้านบาท เปรียบเทียบกับวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 3,718 ล้านบาท
สำหรับผลดำเนินงานของบริษัท ยังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ค่อยๆปรับตัวดีขึ้น จากการที่รัฐบาลมีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะคนละครึ่งพลัส และเที่ยวดีมีคืน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นและจะส่งดีต่อภาพรวมผลดำเนินงานของบริษัท ในรอบปีบัญชี 2569 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
แนวโน้มการเติบโตในอนาคตว่า มีเป้าหมายเติบโตทั้งยอดขายและกำไรในทุกช่องทางทั้ง ออนไลน์ และ ออฟไลน์ โดยใช้ประสบการณ์และทรัพยากรที่เพียบพร้อมจากรากฐานอันยาวนานกว่า 50 ปี ทั้งการมี จุดขายที่ครอบคลุมทั้ง ออนไลน์ และ ออฟไลน์, มีโรงงานผลิตสินค้าที่มีความชำนาญการ และ มีศูนย์กระจายสินค้าของตัวเองที่เปิดทำการในรอบปีบัญชีที่ผ่านมา รวมทั้ง บริษัท มีการศึกษาพัฒนาแผนงาน สำหรับช่องทางอื่นอย่างต่อเนื่อง เช่น การขยายช่องทางไปต่างประเทศ และการซื้อขาย ควบรวมกิจการ รวมถึงการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยมีความพร้อมและความคล่องตัวและสามารถทำทันทีเมื่อมีความมั่นใจจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สิน
ขณะที่ในมิติความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัทจะร่วมกับพันธมิตร วางแผนที่จะนำวัสดุรักษ์โลกมาใช้ในกางเกงยีนส์ทุกรุ่นในปี 2569 รวมทั้งบริษัทได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์สินค้าจากพลาสติกแบบเดิมไปเป็นพลาสติกรีไซเคิล ที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งล่าสุดบริษัทได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการ (CGR) ปี 2568 ในระดับ “ดีเลิศ” เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย, ได้รับผลการประเมิน SET ESG Ratings ปี 2567 ในระดับสูงสุด “AAA” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และยังได้รับการประเมินคุณภาพการจัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น “AGM Checklist 2567” ด้วยคะแนนสูงสุด 100 คะแนนเต็ม ที่ระดับ “ดีเยี่ยมสมควรเป็นตัวอย่าง” โดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย

|