สก็อต เบสเซนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯระบุว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเวลา 43 วัน ได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ เป็นมูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างถาวรแต่ยังคงมองแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้าในทิศทางบวก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายลงและการลดหย่อนภาษี เบสเซนต์ให้สัมภาษณ์ในรายการ "Meet the Press" ของสำนักข่าว NBC ว่า แม้บางภาคส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย รวมถึงภาคที่อยู่อาศัย กำลังอยู่ในภาวะถดถอย แต่ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไม่ได้เสี่ยงติดลบ โดยกล่าวว่า สาเหตุของภาวะเงินเฟ้อมาจากภาคบริการ ไม่ใช่ภาษีนำเข้า ซึ่งเป็นการย้ำจุดยืนเดิมของรัฐบาล และคาดว่า ราคาพลังงานที่ลดลงจะช่วยผลักดันให้ราคาสินค้าโดยรวมลดลงในวงกว้าง “ผมเชื่อว่า แนวโน้มปี 2026 จะดีมากๆ เราได้เตรียมพร้อมเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและไม่เพิ่มเงินเฟ้อ” เบสเซนต์กล่าว 
แม้รมว.คลังสหรัฐฯ จะมีมุมมองเชิงบวก แต่ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ถึงการชะลอตัวในกิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐฯ เนื่องจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นจากภาษีนำเข้า ซึ่งฉุดรั้งอุปสงค์ นอกจากนี้ ผลสำรวจผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในหมู่ผู้บริโภคเกี่ยวกับราคาสินค้าที่สูงขึ้น ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับปัญหาค่าครองชีพและกำลังซื้อของประชาชนชาวอเมริกัน หลังจากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งในระดับรัฐและท้องถิ่น ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดของ Reuters/Ipsos เผยว่า คะแนนนิยมของเขาลดลงเหลือ 38% ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 เบสเซนต์ยังกล่าวว่า ราคาพลังงานลดลงในเดือนต.ค.ขณะที่ยอดขายบ้านเพิ่มขึ้น พร้อมเสริมว่า รัฐบาลยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 3% ต่อปี นอกจากนี้ ยังเพิ่มเติมว่า อัตราเงินเฟ้อในรัฐที่เป็นฐานคะแนนของพรรคเดโมแครตสูงกว่ารัฐของพรรครีพับลิกันถึง 0.5% โดยให้เหตุผลว่า เกิดจากกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น ทางด้านเควิน แฮสเซทต์ (Kevin Hassett) ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ กล่าวในรายการ "Sunday Morning Futures" ของ Fox News คาดว่าปี 2026 จะเป็นปีทองอย่างแท้จริง แม้แนวโน้มในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้อาจสะดุดบ้างก็ตาม เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่ยาวนานที่สุด โดยคาดว่า การเติบโตในไตรมาสนี้ จะอยู่ที่ 1.5-2.00% ซึ่งลดลงครึ่งหนึ่ง และคาดว่าการจ้างงานในภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุนแนวโน้มปี 2026 ที่มา Reuters 
|