ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5% ในวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย อย่าง Rosneft และ Lukoil เพื่อตอบโต้การทำสงครามของรัสเซียในยูเครน ส่งผลให้บริษัทพลังงานในจีนและอินเดียเริ่มพิจารณาลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ยังคงแสดงท่าทีที่แข็งกร้าว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 61.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.29 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.6% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ (Brent) ปิดที่ 65.99 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.40 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.4%
เดวิด อ็อกซ์ลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศและสินค้าโภคภัณฑ์ของ Capital Economics ระบุว่า “การประกาศคว่ำบาตร Rosneft และ Lukoil ของสหรัฐฯ ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในการโจมตีภาคพลังงานของรัสเซีย และอาจเป็นแรงกระแทกที่รุนแรงมากพอ จะทำให้ตลาดน้ำมันโลกพลิกกลับเข้าสู่ภาวะขาดดุลในปีหน้า” โดยข้อมูลจากหน่วยงานพลังงานของสหรัฐฯ ชี้ว่า รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกในปี 2024 รองจากสหรัฐฯ
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ จะบีบให้โรงกลั่นในจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันรัสเซียรายใหญ่ ต้องหาซัพพลายเออร์รายใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตัดออกจากระบบธนาคารตะวันตก

ล่าสุด บริษัทน้ำมันแห่งชาติของจีน ประกาศระงับการซื้อน้ำมันดิบทางทะเลจาก Rosneft และ Lukoil ซึ่งถูกคว่ำบาตรแล้ว ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีก ขณะที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียระบุว่า “ตลาดโลกจะต้องใช้เวลาสักระยะในการทดแทนน้ำมันจากรัสเซีย” พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า “นี่คือความพยายามกดดันรัสเซีย แต่ไม่มีประเทศหรือประชาชนที่มีศักดิ์ศรีคนใดจะยอมจำนนต่อแรงกดดันเช่นนี้ได้”
สหรัฐฯ ระบุว่า พร้อมใช้มาตรการเพิ่มเติม หากรัสเซียไม่ยอมยุติสงคราม โดยเรียกร้องให้ตกลงหยุดยิงโดยทันที โดยก่อนหน้านี้ อังกฤษได้คว่ำบาตร Rosneft และ Lukoil ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) ก็อนุมัติแพ็กเกจคว่ำบาตรรัสเซียชุดที่ 19 ซึ่งรวมถึงการห้ามนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากรัสเซียด้วย นอกจากนี้ EU ยังได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทโรงกลั่นของจีนอีก 2 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 600,000 บาร์เรลต่อวัน รวมถึงบริษัท Chinaoil Hong Kong ซึ่งเป็นหน่วยค้าของ PetroChina
ทั้งนี้ หลังสงครามยูเครนปะทุขึ้น อินเดียกลายเป็นผู้ซื้อน้ำมันรัสเซียรายใหญ่ที่สุด ซึ่งล่าสุด โรงกลั่นในอินเดียเตรียมลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอย่างมาก เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการคว่ำบาตรใหม่ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ Reliance Industries ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรัสเซียรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย วางแผนจะลดหรือยุติการซื้อน้ำมันดังกล่าวโดยสิ้นเชิง
ที่มา Reuters

|