*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 59.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.54% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ปิดที่ 63.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.39% อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 สัญญา ยังปิดลดลงราว 2% ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกหลายประเทศยังคงเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิต ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ (7 พ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่า ฮังการีอาจได้รับอนุญาตให้ใช้น้ำมันดิบของรัสเซียต่อไป ซึ่งฮังการียังคงพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งในยูเครนเมื่อปี 2022 *** ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนพ.ย.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีครึ่ง โดยลดลงสู่ระดับ 50.3 จาก 53.6 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2022 ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งรอยเตอร์สำรวจคาดการณ์ไว้ที่ 53.2 ภายหลังครัวเรือนต่างกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาวะชัตดาวน์รัฐบาล ที่ยืดเยื้อที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งส่งผลกระทบตั้งแต่การจ่ายเงินสวัสดิการอาหารไปจนถึงเที่ยวบินที่ต้องถูกระงับ *** วิกฤติชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยาวนานเป็นประวัติการณ์ กำลังใกล้สิ้นสุด หลังกลุ่มวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตสายกลาง ตกลงสนับสนุนข้อตกลงเพื่อเปิดหน่วยงานของรัฐบางส่วนและจัดสรรงบประมาณสำหรับปีงบประมาณถัดไป ตามข้อตกลงดังกล่าว สภาคองเกรสจะผ่านงบประมาณเต็มปี สำหรับกระทรวงเกษตร กระทรวงกิจการทหารผ่านศึก และสภาคองเกรสเอง ขณะที่หน่วยงานอื่น ๆ จะได้รับงบชั่วคราวจนถึงวันที่ 30 ม.ค. นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังจะอนุญาตให้จ่ายค่าจ้างให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกพักงานชั่วคราว ฟื้นการจ่ายเงินของรัฐบาลกลางให้แก่รัฐและเทศบาล รวมถึงเรียกพนักงานรัฐที่ถูกเลิกจ้างกลับเข้ามาทำงาน *** รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ เตือนว่า อาจจำเป็นต้องสั่งให้สายการบินลดจำนวนเที่ยวบินลงมากถึง 20% หากภาวะชัตดาวน์รัฐบาลกลางยังไม่สิ้นสุด หลังสายการบินต่าง ๆ ต้องเร่งปรับเที่ยวบินเพื่อตอบสนองต่อคำสั่งจำกัดเที่ยวบินจากรัฐบาล ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) ได้สั่งให้สายการบินลดเที่ยวบินลง 4% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 พ.ย.) ใน 40 สนามบินหลักทั่วประเทศ เนื่องจากผลกระทบจากการปิดหน่วยงานของรัฐ และจะเพิ่มสัดส่วนการลดเที่ยวบินเป็น 10% ภายในวันที่ 14 พ.ย. *** เที่ยวบินในสหรัฐฯ ต้องเผชิญความโกลาหลครั้งใหญ่ในวันเสาร์ (8 พ.ย.) หลังการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ ทวีความรุนแรงขึ้นจากภาวะชัตดาวน์รัฐบาล ส่งผลให้เกิดความล่าช้าและการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากทั่วประเทศ โดยสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) เปิดเผยว่า ปัญหาการขาดแคลนเจ้าหน้าที่กระทบต่อหอควบคุมการบิน 42 แห่งทั่วประเทศ และศูนย์ควบคุมการบินอื่น ๆ ทำให้เที่ยวบินล่าช้าในอย่างน้อย 12 เมืองใหญ่ โดยเที่ยวบินถูกยกเลิกกว่า 1,500 เที่ยว และล่าช้าราว 6,000 เที่ยว *** เควิน แฮสเซ็ตต์ (Kevin Hassett) ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 4 อาจหดตัว หากภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางยังคงยืดเยื้อต่อไป โดยระบุว่า การขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน กำลังส่งผลให้เกิดความล่าช้าอย่างมากในการเดินทางช่วงก่อนวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) “ช่วงวันขอบคุณพระเจ้าเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจ คึกคักที่สุดช่วงหนึ่งของปี และหากผู้คนไม่สามารถเดินทางได้ในช่วงนั้นจริง ๆ ก็มีความเป็นไปได้ว่าเราจะเห็นตัวเลขเศรษฐกิจติดลบในไตรมาส 4” *** กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการห้ามอนุมัติการส่งออก สินค้าใช้ได้ 2 ทาง (dual-use items) ที่เกี่ยวข้องกับแร่แกลเลียม เจอร์เมเนียม แอนติโมนี และวัสดุซูเปอร์ฮาร์ดไปยังสหรัฐฯ โดยคำสั่งระงับมีผลตั้งแต่วันอาทิตย์นี้ไปจนถึงวันที่ 27 พ.ย. 2026 มาตรการดังกล่าวถือเป็นการระงับชั่วคราวของคำสั่งห้ามส่งออกที่จีนประกาศไว้เมื่อเดือนธ.ค. 2024 พร้อมทั้งระงับการตรวจสอบเข้มงวดเกี่ยวกับผู้ใช้ปลายทางและวัตถุประสงค์การใช้งาน สำหรับการส่งออกกราไฟต์แบบ dual-use ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเดียวกัน 
*** สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.2% จากปีก่อนหน้า หลังลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. สวนทางกับผลสำรวจของ Bloomberg ที่คาดว่า CPI จะหดตัว 0.1% ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน ปรับขึ้น 1.2% โดยต้นทุนบริการเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนดังกล่าว และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ขณะเดียวกันราคาสินค้าโรงงานหรือ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) แม้ยังคงอยู่ในภาวะเงินฝืดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 37 แต่ระดับการหดตัวก็เริ่มชะลอลง นักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทั่วทั้งกระดานน่าจะสะท้อนถึงอุปสงค์ตามฤดูกาลในช่วงโกลเดนวีค และยังต้องจับตาว่าความยั่งยืนของแรงฟื้นตัวนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป *** รัฐบาลจีนยืนยันว่า ได้ดำเนินมาตรการผ่อนปรนการส่งออกชิปของบริษัท Nexperia สำหรับการใช้งานพลเรือนที่เป็นไปตามข้อกำหนด พร้อมเรียกร้องให้สหภาพยุโรปเร่งหาทางคลี่คลายข้อพิพาทที่อาจกระทบต่อการผลิตรถยนต์ทั่วโลก โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนระบุในแถลงการณ์ เพื่อตอบต่อโพสต์ของมารอส เชฟโควิช (Maros Sefcovic) กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรปบนแพลตฟอร์ม X ที่กล่าวว่าจีนได้ตกลงจะกลับมาส่งออกชิปไปยังยุโรปอีกครั้ง ซึ่งระบุว่า “จีนได้ดำเนินมาตรการในทางปฏิบัติเพื่อยกเว้นการส่งออกที่เป็นไปตามข้อกำหนดสำหรับการใช้งานพลเรือน เรายินดีที่ฝ่ายยุโรปยังคงมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ และขอเรียกร้องให้ฝ่ายเนเธอร์แลนด์เร่งแก้ไขการดำเนินการที่ผิดพลาดโดยเร็วที่สุด” *** เจนเซน หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Nvidia ร้องขอให้บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) เพิ่มกำลังการผลิตชิปให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง “ธุรกิจของเรายังคงแข็งแรงมาก และเติบโตขึ้นทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง” พร้อมระบุว่า ซัพพลายเออร์หน่วยความจำสำหรับชิป AI ทั้ง 3 รายของ Nvidia ได้แก่ SK Hynix Inc., Samsung Electronics Co. และ Micron Technology Inc. ต่างได้ขยายกำลังการผลิตอย่างมหาศาลเพื่อสนับสนุนบริษัท ด้านซีซี เหว่ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TSMC กล่าวว่า เจนเซน หวงได้ขอให้บริษัทจัดสรรเวเฟอร์เพิ่มเติมระหว่างการพบกันครั้งล่าสุด พร้อมระบุว่า TSMC คาดว่าจะสามารถทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างต่อเนื่องในทุกปี *** บริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อกิจการบริษัทพัฒนาเภสัชภัณฑ์ลดน้ำหนักเมตเซรา (Metsera) มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปิดฉากศึกซื้อกิจการที่ดุเดือดกับคู่แข่งโนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) จากเดนมาร์ก โดยเมตเซราตอบรับข้อเสนอที่ปรับเพิ่มมูลค่าจากไฟเซอร์ในคืนวันศุกร์ โดยให้เหตุผลว่าข้อเสนอของโนโว นอร์ดิสค์ มีความเสี่ยงด้านกฎหมายต่อต้านการผูกขาดในสหรัฐฯ แม้ก่อนหน้านี้จะประเมินว่าข้อเสนอจากฝั่งเดนมาร์กนั้นดีกว่า *** แซม อัลท์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OpenAI เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขยายขอบเขตสิทธิ์รับเครดิตภาษีตามกฎหมาย Chips Act เพื่อสนับสนุนการผลิตและโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในประเทศ โดยระบุว่านี่คือส่วนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของสหรัฐฯ ให้เป็นผู้นำโลกด้านเทคโนโลยี AI *** ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ กำหนดแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีนำเข้าข้าว ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ภาษีนำเข้าข้าวของประเทศที่เป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก สอดคล้องกับความผันผวนของราคาข้าวในตลาดโลก ตามคำสั่งฝ่ายบริหาร ผู้นำฟิลิปปินส์ระบุว่า การปรับภาษีข้าวตามการเคลื่อนไหวของราคาตลาดโลก จะเริ่มมีผลในวันที่ 1 ม.ค. หลังขยายเวลาการเก็บภาษีนำเข้าข้าวในอัตรา 15% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ภายใต้คำสั่งดังกล่าว ระบุว่าอัตราภาษีนำเข้าจะเพิ่มขึ้น 5 จุดเปอร์เซ็นต์ทุกครั้งที่ราคาข้าวในตลาดโลกลดลง 5% หรือจะลดลง 5 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อราคาข้าวโลกเพิ่มขึ้น 5% *** ราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนประเมินภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแรงเทียบกับความคืบหน้าในการยุติภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลกลาง โดยสัญญาทองคำเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 4,017 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากปิดสัปดาห์ก่อนหน้าแทบไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งราคาทองคำได้แรงหนุนในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ร่วงลงใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับผลกระทบจากภาวะชัตดาวน์และแรงกดดันด้านราคาสินค้า ขณะเดียวกัน วิกฤติชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณใกล้ยุติ หลังกลุ่มวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตสายกลาง ตกลงสนับสนุนข้อตกลงเพื่อเปิดทำการรัฐบาลอีกครั้ง 
|