*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 59.43 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.29% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ (Brent) ปิดที่ 63.38 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.22% ราคาน้ำมันโลกปรับตัวลดลงในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด ประกอบกับสัญญาณอ่อนแอของความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนต.ค. เนื่องจากความกังวลต่อภาวะอุปทานส่วนเกินในตลาด หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) เดินหน้าปรับเพิ่มกำลังการผลิต ขณะที่ประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่ม OPEC ก็ยังคงขยายการผลิตต่อเนื่องเช่นกัน *** ข้อมูลจากบริษัทจัดหางานและให้คำปรึกษาด้านการปรับโครงสร้างองค์กร Challenger, Gray & Christmas Inc. ระบุว่า บริษัทในสหรัฐฯ ประกาศแผนปลดพนักงานรวม 153,074 ตำแหน่งในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และถือเป็นจำนวนการปลดพนักงานในเดือนต.ค. ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003 โดยสาเหตุหลักมาจากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและคลังสินค้า ซึ่งกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงาน รวมถึงความพยายามลดต้นทุนและชะลอการจ้างงานใหม่ของหลายบริษัท *** อัลแบร์โต มูซาเล็ม ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า การที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะหลังถือเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสม เพื่อช่วยพยุงตลาดแรงงานของสหรัฐฯ โดยมูซาเล็มกล่าวว่า “การลดดอกเบี้ยที่ผ่านมาเป็นไปอย่างเหมาะสม แต่เราจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างมาก เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการกดดันไม่ให้เงินเฟ้อสูงเกินเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ต้องยังคงให้ความคุ้มครองภาคการจ้างงาน” *** สตีเฟน มิแรน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ แม้จะมีกรรมการที่ไม่มีสิทธิ์โหวตบางรายอาจไม่เห็นด้วย แต่การตัดสินใจขึ้นอยู่กับการกระจายเสียงโหวต ไม่ใช่การกระจายมุมมอง ผมคาดว่าเราจะลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. เว้นแต่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ดังนั้น จากข้อมูลที่มีในตอนนี้ ผมคาดว่าเราจะลงเอยด้วยการลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่รับประกันได้อย่างแน่นอนในท้ายที่สุด *** รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศจะเดินหน้าเจรจากับจีน เกี่ยวกับการครอบงำอุตสาหกรรมต่อเรือและโลจิสติกส์ทางทะเลของจีน พร้อมยืนยันแผนพักชำระค่าธรรมเนียมท่าเรือ สำหรับเรือที่มีความเชื่อมโยงกับจีนเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อลดความตึงเครียดทางการค้า โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ระบุว่าจะระงับการดำเนินมาตรการลงโทษทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวน “มาตรา 301” เกี่ยวกับแนวทางการค้าของจีนที่ไม่เป็นธรรม เป็นเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. โดยการพักเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ครอบคลุมเรือขนาดใหญ่ที่สร้างในจีนและเข้าเทียบท่าในสหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงสำคัญที่ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง บรรลุร่วมกันระหว่างการพบปะที่เกาหลีใต้ *** รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มแร่ใหม่อีก 10 ชนิดเข้าไปในบัญชี “แร่สำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ” (critical minerals list) ซึ่งรวมถึง ทองแดง วัตถุดิบหลักในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ระบบสายส่งไฟฟ้า และศูนย์ข้อมูล รวมถึงถ่านหินโลหกรรม (Metallurgical Coal) ที่ใช้ผลิตเชื้อเพลิงสำหรับอุตสาหกรรมเหล็ก การขยายบัญชีรายชื่อครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ ในการส่งเสริมการทำเหมืองภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า โดยเฉพาะจากประเทศคู่แข่งทางเศรษฐกิจอย่างจีน *** ทำเนียบขาวประกาศว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บรรลุข้อตกลงกับบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ Eli Lilly & Co. และ Novo Nordisk A/S เพื่อปรับลดราคายาลดน้ำหนักยอดนิยมอย่าง Zepbound และ Wegovy แลกกับการได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าชั่วคราวและสิทธิ์การเข้าถึงที่กว้างขึ้นภายใต้โครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ Medicare ข้อตกลงดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุชาวอเมริกันที่อยู่ในโครงการ Medicare สามารถเข้าถึงยาลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลกมากขึ้น ซึ่งยาทั้ง 2 ชนิด จะได้รับการยกเว้นอัตราภาษีนำเข้ายาที่เตรียมจะประกาศใช้เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นเงื่อนไขเดียวกับที่บริษัทคู่แข่งเคยได้รับจากข้อตกลงลดราคายาในช่วงก่อนหน้า *** การแข่งขันระหว่าง Novo Nordisk A/S และ Pfizer Inc. เพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัทสตาร์ทอัปด้านยาลดความอ้วน Metsera Inc. ทวีความรุนแรงขึ้น หลัง Novo Nordisk ตัดสินใจเพิ่มข้อเสนออีกครั้ง เพื่อแย่งชิงดีลมูลค่าสูงนี้ โดยการปรับเพิ่มราคาของ Novo มีขึ้นหลังจาก Pfizer ปรับข้อเสนอขึ้นเป็นสูงสุด 86.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น รวมการชำระเงินตามเงื่อนไข ซึ่งเท่ากับข้อเสนอที่ Novo เคยประกาศก่อนหน้านี้ คาดว่าศึกชิงซื้อกิจการ Metsera จะได้ข้อสรุปภายในไม่กี่วันข้างหน้า โดยแหล่งข่าวระบุว่าผลลัพธ์สุดท้ายขึ้นอยู่กับว่า “ใครสามารถเสนอราคาที่สูงกว่า” *** อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tesla ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้รับแพ็กเกจค่าตอบแทนที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัทจดทะเบียน หลังนักลงทุนลงมติสนับสนุนวิสัยทัศน์ของเขาในการเปลี่ยน Tesla จากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์ แม้มัสก์จะเป็นบุคคลที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดในโลกอยู่แล้ว แต่แพ็กเกจค่าตอบแทนนี้อาจทำให้เขาได้รับหุ้นมูลค่าสูงสุดถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 10 ปีข้างหน้า หลังหักการชำระเงินภาษีและค่าใช้จ่ายแล้ว ค่าตอบแทนสุทธิยังคงอยู่ที่ประมาณ 878,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 
*** แซม อัลต์แมน (Sam Altman) กล่าวว่า OpenAI ได้หารือกับรัฐบาลสหรัฐฯ เรื่องความเป็นไปได้ในการขอ “การค้ำประกันเงินกู้” (loan guarantees) เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโรงงานผลิตชิปภายในสหรัฐฯ แต่ไม่ได้ขอและไม่ได้ต้องการให้รัฐบาลค้ำประกันในส่วนของการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ โดยอัลต์แมนระบุว่า การพูดคุยดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในภาพใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการเสริมความแข็งแกร่งให้ห่วงโซ่อุปทานชิปภายในประเทศ และ OpenAI รวมถึงบริษัทอื่น ๆ ก็ตอบรับท่าทีดังกล่าวของรัฐบาล แต่ยังไม่ได้ยื่นคำขอรับเงินทุนอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่า บริษัทยังเชื่อว่าภาษีของประชาชนไม่ควรถูกนำไปค้ำจุนโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ของเอกชน หรือใช้ช่วยเหลือบริษัทที่ตัดสินใจทางธุรกิจผิดพลาด *** Jio Platforms ธุรกิจโทรคมนาคมในเครือ Reliance Industries ของมหาเศรษฐีมูเกช อัมบานี (Mukesh Ambani) อาจกลายเป็นหนึ่งในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของอินเดีย หลังธนาคารที่ปรึกษาทางการเงินหลายแห่งเสนอให้ประเมินมูลค่าบริษัทสูงถึง 170,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากได้ตามมูลค่าดังกล่าว Jio จะขึ้นแท่นเป็นหนึ่งใน 3 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดของอินเดีย แซงหน้าคู่แข่งโดยตรงอย่าง Bharti Airtel และ Reliance Industries บริษัทแม่ของ Jio *** Huawei เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Mate 70 Air เจาะตลาดระดับพรีเมียมของจีนโดยตรง หวังท้าชนกับ iPhone Air ของ Apple โดย Mate 70 Air มีความบางเพียง 6.6 มิลลิเมตร และตั้งราคาขายที่ 4,199 หยวน (ประมาณ 590 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งต่ำกว่า iPhone Air ที่มีราคาเริ่มต้น 999 ดอลลาร์สหรัฐ แม้จะยังไม่บางเท่า Apple ก็ตาม โดย Apple เพิ่งนำชื่อ Air มาใช้กับไลน์สมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรกในรุ่น iPhone 17 ขณะที่ Huawei เลือกใช้ชื่อเดียวกันอย่างเปิดเผย สะท้อนความตั้งใจที่จะท้าชนโดยตรงในตลาดพรีเมียม *** หุ้นของ 2 บริษัทเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติสัญชาติจีน Pony.ai และ WeRide ร่วงลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันแรกของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยราคาหุ้น Pony.ai ลดลงมากกว่า 12% ส่วน WeRide ร่วงเกือบ 13% โดยทั้ง 2 บริษัท ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดสหรัฐฯ อยู่ก่อนแล้ว ระดมทุนได้รวมกว่า 9,100 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แบ่งเป็น Pony.ai ระดมได้ 860 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ WeRide ระดมได้ 307 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Pony.ai และ WeRide กำลังเร่งขยายการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด เช่น Apollo Go ของ Baidu ในจีน และ Waymo ของ Alphabet ในสหรัฐฯ ท่ามกลางกระแสความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ *** Moonshot บริษัทสตาร์ตอัปจีน เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิด (Generative AI) รุ่นล่าสุด โดยระบุว่าโมเดลใหม่นี้มีความสามารถด้าน agentic หรือการเข้าใจความต้องการของผู้ใช้โดยไม่ต้องได้รับคำสั่งทีละขั้นตอน ได้ดีกว่า ChatGPT ของ OpenAI โมเดลใหม่นี้มีชื่อว่า “Kimi K2 Thinking” ซึ่งพัฒนาต่อยอดจากรุ่น K2 ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนก.ค. โดย Moonshot ได้รับการสนับสนุนจาก Alibaba Group สำหรับ Kimi K2 Thinking ของ Moonshot นั้น ใช้งบฝึกฝนโมเดลรวมประมาณ 4,600 ดอลลาร์สหรัฐ *** เจนเซน หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nvidia กล่าวว่า “จีนกำลังจะชนะการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)” ก่อนที่เขาจะออกแถลงการณ์ใหม่ในภายหลังที่มีน้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเตือนว่า จีนมีโอกาสแซงหน้าสหรัฐฯ ในการแข่งขันด้าน AI เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่ต่ำกว่าและกฎระเบียบที่ผ่อนคลายกว่า ซึ่งหากเป็นจริง นี่จะถือเป็นคำเตือนที่ชัดเจนที่สุดของเจนเซน หวงจนถึงขณะนี้ เกี่ยวกับความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจสูญเสียความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี AI ขั้นสูง *** A.P. Moller-Maersk บริษัทขนส่งสินค้าทางเรือยักษ์ใหญ่ของเดนมาร์ก รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งกว่าคาดการณ์ และปรับเพิ่มกรอบคาดการณ์กำไรสำหรับทั้งปี หลังปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย Maersk ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นตัวชี้วัดสำคัญของการค้าโลก เปิดเผยตัวเลขกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ 2,680 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดือนก.ค.–ก.ย. แม้จะลดลงจาก 4,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ตาม บริษัทได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากการดำเนินงานทั้งปีขึ้นเป็น ระหว่าง 9,000–9,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่คาดไว้ 8,000–9,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ *** กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น รายงานว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่น ปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หลังปรับผลกระทบจากเงินเฟ้อแล้ว นำโดยการใช้จ่ายในหมวดการคมนาคมและความบันเทิง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 2.5% โดยการใช้จ่ายที่ลดลงในหมวดที่อยู่อาศัยและการศึกษาเป็นปัจจัยถ่วงภาพรวม การบริโภค ถือเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่น แม้ว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะยังทรงตัว แม้ได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อ แต่รายงาน GDP ที่จะประกาศในวันที่ 17 พ.ย. คาดว่าจะชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นการสิ้นสุดช่วงการขยายตัวต่อเนื่อง 5 ไตรมาส *** ราคาทองคำเคลื่อนไหวทรงตัวใกล้ระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักลงทุนประเมินถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และข้อมูลตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงอย่างมาก ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้ โดยในช่วงต้นการซื้อขาย ราคาทองคำปรับขึ้นหลังรายงานจากบริษัทจัดหางาน Challenger, Gray & Christmas Inc. ระบุว่า บริษัทในสหรัฐฯ ประกาศปลดพนักงานในเดือนต.ค.มากที่สุดในรอบกว่า 20 ปี แต่ต่อมาทองคำลดช่วงบวกลง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 
|