การส่งออกของจีนในเดือนต.ค. ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากฐานเปรียบเทียบที่สูงในปีก่อนและแรงขับเคลื่อนจากการเร่งส่งออกล่วงหน้าของผู้ประกอบการเริ่มชะลอตัว ก่อนการพบปะระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนในช่วงที่ผ่านมา ข้อมูลจากศุลกากรจีนระบุว่า มูลค่าการส่งออกของจีนลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สวนทางคาดการณ์นักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะขยายตัว 3% และยังเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2024 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว การส่งออกลดลงถึง 7.5% ก่อนหน้านี้ การส่งออกของจีนขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 8.3% เมื่อเดือนก.ย. ขณะเดียวกัน การนำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1% ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 3.2% เนื่องจากภาวะชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดแรงงานที่อ่อนแอ ยังคงกดดันการบริโภคภายในประเทศ ทั้งที่ในเดือนก.ย. การนำเข้าเคยพุ่งขึ้นถึง 7.4% สือเหว่ย จาง ประธานเจ้าหน้าที่เศรษฐกิจของ Pinpoint Asset Management กล่าวว่า “ดูเหมือนแรงส่งจากการเร่งส่งออกล่วงหน้า จะหมดลงในเดือนต.ค.” โดยคาดว่าการส่งออกของจีนจะกลับสู่ระดับปกติ หลังจากที่สหรัฐฯ ชะลอการใช้มาตรการจำกัดการค้าเป็นเวลา 1 ปี 
ผู้ส่งออกจีนและผู้นำเข้าสหรัฐฯ ต่างรู้สึกโล่งใจ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง บรรลุข้อตกลงระหว่างการประชุมที่เกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยคลี่คลายความตึงเครียดที่อาจลุกลามไปสู่สงครามการค้าเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ ยังปรับตัวร่วงลงถึง 25% จากปีก่อนหน้า นับเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันที่ลดลงในระดับเลข 2 หลัก ขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐฯ ก็ลดลงเกือบ 23% ในเดือนเดียวกัน ทั้ง 2 ประเทศ ตกลงที่จะทยอยยกเลิกมาตรการลงโทษทางการค้า รวมถึงภาษีนำเข้าที่สูง การควบคุมการส่งออกแร่สำคัญและเทคโนโลยีขั้นสูง ขณะเดียวกันจีนให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ และร่วมมือในการสกัดกั้นการลักลอบค้ายาเฟนทานิล ซึ่งหลังข้อตกลงหยุดสงบศึกทางการค้า อัตราภาษีเฉลี่ยที่สหรัฐฯ เรียกเก็บต่อสินค้าส่งออกจากจีนลดลงเหลือ 31% ตามการประเมินของกลุ่ม Macquarie การส่งออกที่ชะลอตัวอย่างรุนแรงในเดือนต.ค. ส่วนหนึ่งเกิดจากฐานเปรียบเทียบที่สูงในปีก่อน ซึ่งการส่งออกของจีนเคยขยายตัวเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกของจีนไปสหรัฐฯ ลดลง 17.8% ขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐฯ หดตัว 12.6% ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่าง 2 ประเทศแคบลง 20% เหลือ 233,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ยอดส่งออกไปสหรัฐฯ จะลดลง แต่การส่งออกโดยรวมของจีน ยังคงขยายตัว 5.3% ในช่วงม.ค.–ต.ค. โดยผู้ส่งออกจีน หันไปหาตลาดอื่นหรือส่งสินค้าผ่านช่องทางทางอ้อมเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ การส่งออกไปยังสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) สหภาพยุโรป และแอฟริกา เพิ่มขึ้น 14.3%, 7.5% และ 26.1% ตามลำดับ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ส่งผลให้จีนมียอดดุลการค้ารวมกว่า 9.648 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทวิจัย Oxford Economics ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของการส่งออกจีนในเชิงปริมาณจริงเป็น 3.5–5% ต่อปี โดยได้รับแรงหนุนจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะ 5 ปีฉบับใหม่ของรัฐบาล ที่มุ่งผลักดันอุตสาหกรรมภายในประเทศ และจากการกระจายตลาดของผู้ส่งออกจีนไปยังภูมิภาคและตลาดเกิดใหม่ สำนักวิจัยดังกล่าว ยังปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP จริงของจีนเป็น 4.5% ในปี 2026 และ 4.4% ในปี 2027 ที่มา CNBC 
|