จาก Tokenization สู่ Fractional Ownership: วิถีลงทุนของคนรุ่นต่อไป

เมื่อ “สินทรัพย์จริง” เดินทางเข้าสู่บล็อกเชน และโลกการลงทุนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา โลกคริปโตมีหลายกระแสที่ทำให้ตลาดเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้ง Bitcoin Narrative, NFT, Metaverse, Layer 2 ไปจนถึง AI แต่มีอีก Narrative หนึ่งที่กำลังมาแรงแบบ “เงียบแต่ทรงพลัง” และกำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของตลาดการเงินใหม่ นั่นคือ RWA (Real-World Asset Tokenization) หลายคนอาจเคยใช้อยู่ทุกวันโดยไม่รู้ตัว เพราะ Stablecoin ที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น USDT หรือ USDC ก็คือ “สินทรัพย์ในโลกจริงที่ถูกแปลงเป็นโทเคน” เช่นกัน ซึ่งนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนโลกการเงินแบบ TradFi ให้ค่อย ๆ หลอมรวมกับ DeFi

บทความนี้เราจะพาไปเจาะลึกตั้งแต่ความเข้าใจพื้นฐานของ RWA การเติบโตของตลาด ตัวอย่างสินทรัพย์ จนถึงอนาคตของ Fractional Ownership (การเป็นเจ้าของแบบสัดส่วน) ที่มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนวิธีลงทุนของคนรุ่นต่อไปแบบสิ้นเชิง

RWA คืออะไร?

RWA (Real-World Assets) แปลว่า สินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง คือกระบวนการนำทรัพย์สินที่มีอยู่จริงเช่น อสังหาริมทรัพย์ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ สินค้าการเกษตร โลหะมีค่าอย่างทองคำและแร่เงิน ตราสารหนี้ พันธบัตร หุ้นเอกชน หรือแม้แต่สัญญาการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ มาแปลงเป็นโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชน (Tokenization) เพื่อเปลี่ยนสิทธิ์การถือครองหรือสิทธิ์ในการเข้าถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ให้กลายเป็นรหัสดิจิทัลที่ซื้อขายได้อย่างคล่องตัวราวกับเหรียญคริปโตทั่วไป การ Tokenization จึงทำหน้าที่เป็น “สะพาน” เชื่อมโลกการเงินดั้งเดิม (TradFi) เข้ากับโลกบล็อกเชนและ DeFi อย่างแท้จริง 

ที่สำคัญ RWA เป็นสินทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากทุกที่ทั่วโลกบนเครือข่ายต่าง ๆ เช่น Ethereum, Avalanche หรือ Polygon และช่วยให้การถือครองและดูแลเป็นเรื่องง่าย โปร่งใส และเข้าถึงได้มากขึ้น

รายงานของแพลตฟอร์มวิจัยด้านการลงทุนตั้งข้อสังเกตว่า “กลุ่มนักลงทุนยุคใหม่” เป็นกลุ่มที่ดึงดูดให้ตลาด RWA โตได้เร็วเพราะพวกเขาชอบการถือครองแบบ Fractional Ownership และการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ยืดหยุ่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การลงทุนแบบใหม่ ที่เน้นความคล่องตัว การเข้าถึงง่าย และผลตอบแทนที่หลากหลาย 

Fractional Ownership กับคนรุ่นใหม่

รายงานของแพลตฟอร์มวิจัยด้านการลงทุนบนเว็บไซต์ https://research.tokenmetrics.com/ ตั้งข้อสังเกตว่า “กลุ่มนักลงทุนยุคใหม่” เป็นกลุ่มที่ดึงดูดให้ตลาด RWA โตได้เร็วเพราะพวกเขาชอบการถือครองแบบบางส่วนและใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการลงทุนที่มีความยืดหยุ่นสูง อีกทั้งยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความสนใจของพวกเขาอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีจุดขายที่จูงใจคนรุ่นใหม่ได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น

1. เริ่มลงทุนได้ด้วยเงินก้อนเล็กFractional Ownership ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงสินทรัพย์ที่ก่อนหน้านี้ยากหรือแพงเกินไป เช่น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือกองทุนสถาบัน โดยไม่ต้องใช้เงินเป็นล้านเพื่อซื้อคอนโดหรือทองแท่ง แต่ถือเพียงส่วนเล็ก ๆ ก็ยังมีกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของร่วมกับนักลงทุนอื่น และได้รับผลตอบแทนหรือเงินปันผลเช่นเดียวกันตามสัดส่วนที่ถือครอง
2. ความคล่องตัวสูง
   ซื้อขายโทเคน RWA ได้ตลอด 24/7 บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ต้องรอขายสินทรัพย์เต็มจำนวนเหมือนตลาดดั้งเดิม
3. เข้าถึงสินทรัพย์สถาบันและโลก RWA ได้ง่าย
   เช่น กองทุน Hedge Fund, Private Credit, พันธบัตรรัฐบาล คนรุ่นใหม่สามารถกระจายพอร์ตลงทุนและสร้างผลตอบแทนแบบ real yield จากสินทรัพย์จริง ซึ่งทุกโทเคนก็มีการอ้างอิงจำนวนแบบ 1:1 และผูกกับสินทรัพย์จริงบนบล็อกเชนที่สามารถตรวจสอบการถือครองและผลตอบแทนได้ง่ายด้วยตนเอง

RWA ในประเทศไทยและแนวโน้มอนาคต

ข้อมูลจากงาน Bitkub Insight On-Stage เมื่อ 21 พ.ย. 68 คุณนภิศา วิสุทธิพันธ์ุ Crypto Content Specialist จากบิทคับ ออนไลน์ ได้ให้คำอธิบายว่า RWA อาจเป็น The Next Big Thing เพราะอาจจะเชื่อมโยงสินทรัพย์มูลค่ากว่า 400 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของโลกการเงินดั้งเดิม (TradFi) เข้าสู่บล็อกเชน ซึ่งมีมูลค่าใหญ่กว่าตลาดคริปโตปัจจุบันกว่า 130 เท่า และการเข้ามาของ RWA จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสภาพคล่อง โดยจะแก้ปัญหาหลักใหญ่ของ TradFi ทำให้สินทรัพย์ขนาดใหญ่สามารถ “ซอยย่อย” (Fractionalization) และซื้อขายได้ 24/7 พร้อมทั้งลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม

นอกจากนี้เรื่องผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yield) จะเป็นการนำผลตอบแทนที่ยั่งยืนและเชื่อถือได้จากสินทรัพย์ในโลกจริง เช่น พันธบัตรรัฐบาลและสินเชื่อภาคเอกชน เข้าสู่โลก DeFi อีกด้วย ยังไม่รวมถึงการยอมรับจากสถาบัน ที่น่าจะมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนก้อนใหญ่จากสถาบันการเงินเข้าสู่สินทรัพย์ RWA เช่น หนี้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เติบโตถึง +125%

ในประเทศไทย การนำ RWA มาประยุกต์ใช้เริ่มเห็นความโดดเด่นในกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ เช่น โครงการคอนโด Park Origin ที่แปลงเป็นโทเคน Realx และโครงการ Summer Point ซึ่งเป็นอาคาร mixed-use ให้เช่า ทำให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ได้ด้วยการลงทุนแบบแบ่งส่วน (Fractional Ownership) นอกจากนี้ ยังมีการทดลองนำ Stablecoin มาใช้ในโครงการนำร่องของธนาคารไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการ โอนเงินข้ามพรมแดน อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ส่วนของโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา ได้แก่ G-Token สำหรับการแปลง พันธบัตรรัฐบาลไทย ให้เป็นโทเคน และ Carbon Credit ที่กำลังมีหลายโครงการทดลอง เพื่อนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาช่วยเพิ่มสภาพคล่องและการเข้าถึงสินทรัพย์ทางเลือกในประเทศ

บทสรุป

โลกการลงทุนกำลังเปลี่ยนแปลงด้วยการนำสินทรัพย์จริงเข้าสู่บล็อกเชนผ่านกระบวนการ Tokenization ทำให้การถือครองแบบ Fractional Ownership เป็นไปได้จริง นักลงทุนยุคใหม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ที่ก่อนหน้านี้ทั้งยากและแพง ด้วยเงินลงทุนเพียงเล็กน้อย และซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงบนแพลตฟอร์มดิจิทัล การถือครองแบบแบ่งส่วนช่วยให้พอร์ตลงทุนหลากหลาย โปร่งใส และคล่องตัว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระวังความผันผวนของตลาด RWA แม้จะมีศักยภาพสูงในการเชื่อมโลกการเงินดั้งเดิมเข้ากับ DeFi เพิ่มสภาพคล่อง ลดต้นทุน และสร้างผลตอบแทนที่แท้จริง ทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทยที่เริ่มนำไปใช้กับอสังหาริมทรัพย์ โทเคนพันธบัตร และโครงการนำร่องอื่น ๆ

อ้างอิง: Bitkub Blog 1, Tokenmetrics

บทความโดย bitkub.com

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้