BTS เผย Q2 ปี 68/69 พลิกมีกำไร 102 ลบ. โต 128% รับรายได้รวมพุ่ง 40.8% และ Recurring EBITDA เพิ่มขึ้น 86.6% พร้อมหนุนงวด 6 เดือนปี 68/69 ขาดทุนลดลงเหลือ 127 ลบ. นางสาวชวดี รุ่งเรือง ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 ปี 68/69 (ก.ค.-ก.ย.68) กำไรที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 102 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 128.9% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 354 ล้านบาท

โดยมีรายได้รวมจำนวน 7,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.8% หรือ 2,221 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 5,445 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก 1.การรวมรายได้ของบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (RABBIT) และบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) (ROCTEC) จำนวนรวม 2,191 ล้านบาทในไตรมาส 2 งวดปี 68/69 หลังจากการเข้าซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer: VTO) ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.67 และ 2.การเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น ส่วนใหญ่มาจากการบันทึกกำไรจากตราสารทางการเงินจำนวน 684 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นดังกล่าวถูกหักกลบบางส่วนด้วยการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจำนวน 202 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการไม่มีการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยโครงการรถไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับงานค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) (ฟ้องครั้งที่ 1) หลังจากที่ได้รับชำระหนี้จากกรุงเทพมหานคร (กทม.) แล้วในวันที่ 27 ธ.ค.67 กำไรจากการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายดอกเบี้ยและภาษี (Recurring EBITDA) จำนวน 3,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.6% หรือ 1,716 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA ของธุรกิจ MIX และการกลับมาเป็นบวกของ EBITDA ของธุรกิจ MATCH อันเป็นผลมาจากการรวมงบการเงินดังที่กล่าวข้างต้นและผลการดำเนินธุรกิจที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 2344.3% หรือ 202 ล้านบาทจากปีก่อนหน้า เป็น 210 ล้านบาท สำหรับงวด 6 เดือนแรกงวดปี 68/69 ขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 127 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิที่น้อยลงเมื่อเทียบกับผลขาดทุน 729 ล้านบาทในปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA แม้ว่าต้นทุนทางการเงินยังคงเพิ่มขึ้น ด้านมุมมองผู้บริหารระบุว่า เรามีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ชำระหนี้คงค้างทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M)รวมถึงดอกเบี้ยค้างชำระรวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 36.4 พันล้านบาท ซึ่งครอบคลุมหนี้ค้างชำระตั้งแต่เดือน มิ.ย.64 ถึงเดือนส.ค.68 แก่BTSC การชำระหนี้ดังกล่าวช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนของกลุ่มบริษัท ทำให้กลุ่มบริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้น รวมถึงสามารถมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และสนับสนุนการเติบโตในอนาคตได้อย่างมั่นคง ส่วนแนวโน้มในระยะข้างหน้าคาดว่าจะมีพัฒนาการเชิงบวกในภาคธุรกิจระบบขนส่งมวลชน โดยในเดือนส.ค.68 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ3 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและส่งเสริมความเชื่อมโยงของระบบขนส่งทางรางของไทย โดยร่างกฎหมายเหล่านี้คาดว่าจะสนับสนุนความยั่งยืนในระยะยาว และส่งเสริมความเป็นเอกภาพต่อโครงข่ายขนส่งสาธารณะทั่วประเทศ โดยกลุ่มบีทีเอสพร้อมมีส่วนร่วมกับโครงการภาครัฐที่มุ่งเน้นประโยชน์ของสาธารณะและส่งเสริมการเข้าถึงบริการระบบรางในระดับราคาที่เหมาะสม |