CPAXT จับมือ "ช่ายเหนี่ยว (Cainiao)" ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซ ในเครือ "อาลีบาบา กรุ๊ป" เดินหน้าขับเคลื่อนเทคโนโลยี ยกกระดับการบริหารพื้นที่ชั้นวางสินค้าในสาขา - สินค้าคงคลังด้วย AI หวังใน 3 ปี ดันแพลตฟอร์ม "Retail Tech" เป็นอันดับ 1 ในอาเซียน นายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มสายงานการพาณิชย์สินค้า บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เปิดเผยในงานแถลงข่าวว่า กลุ่มธุรกิจแม็คโคร มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านค้าส่งและค้าปลีก โดยค้าส่งดำเนินการโดยแม็คโคร (Makro) และค้าปลีกดำเนินการโดยโลตัส (Lotus's) ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
บริษัทฯ จึงอยากเปลี่ยนจากบริษัทชั้นนำแบบดั้งเดิมมาเป็นแบรนด์ที่เน้นลูกค้ามาก่อนได้ก่อน โดยการเชื่อมต่อระบบนิเวศ (Ecosystem) ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ปัจจุบันลูกค้าพฤติกรรมเปลี่ยนไป โดยต้องการสินค้าจำนวนมากและได้รับสินค้าอย่างรวดเร็วมากขึ้น
กลุ่ม CPAXT จึงจับมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ "ช่ายเหนี่ยว (Cainiao)" ผู้นำด้านอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซระดับโลก ภายใต้เครืออาลีบาบา กรุ๊ป ซึ่ง "ช่ายเหนี่ยว" ให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) ซึ่ง CPAXT คาดหวังจะนำเทคโนโลยีของ "ช่ายเหนี่ยว" ให้เกิดประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าการพัฒนาดิจิทัล จะต้องมีความพร้อมของ คน กระบวนการ เทคโนโลยี ซึ่งความพร้อมของบุคลากรต้องมี เพื่อสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ บริษัทฯ จึงหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยสอนเพื่อเพิ่มความสามารถของบุคลากร
"ยุคเก่าเราอาจจะพูดได้ว่า ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่ปัจจุบันเราจะพูดถึง ปลาใหญ่ที่เป็นปลาเร็ว เพราะจะสามารถกินได้ทุกปลาในน้ำ " นายธนิศร์กล่าว
ทั้งนี้ก่อนการร่วมมือกับ "ช่ายเหนี่ยว (Cainiao)" กลุ่ม CPAXT เคยมีรถขนส่งสินค้าประมาณ 400 คัน แต่ปัจจุบันหลังผสานการทำงานของระบบบริหารจัดการขนส่ง TMS (Transport Management System) สามารถเพิ่มรถขนส่งได้เป็น 4,000 คัน ทำให้บริษัทฯ ยกระดับประสิทธิภาพการจัดส่งรายวันได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 15,000 คำสั่งซื้อ เป็น 100,000 คำสั่งซื้อต่อวัน โดยบริษัทสามารถดำเนินระบบ การหยิบและบรรจุสินค้าเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 140% ทั้งนี้ธุรกิจของ CPAXT เป็นลักษณะค้าส่ง (Wholesale) ดังนั้น 1 บิล/ออเดอร์ จะมีมูลค่าประมาณ 3,500 - 4,000 บาท

สำหรับจุดเริ่มต้นกับ "ช่ายเหนี่ยว (Cainiao)" มาจากธุรกิจ CPAXT ต้องการส่งของให้ครบ ตรงเวลา และมีคุณภาพ ซึ่งเมื่อธุรกิจเริ่มโตมากขึ้น ทำให้ในช่วง 2 ปีก่อน บริษัทฯ ประสบปัญหาไม่สามารถส่งสินค้าได้ตรงเวลา จึงเริ่มหาสิ่งที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้า และได้พันธมิตร "ช่ายเหนี่ยว" ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถด่านส่งด่วน ซึ่งประมาณภายใน 3 ชั่วโมง สามารถดำเนินการส่งได้ 90 ล้านออเดอร์/วัน
และบางช่วงที่มีออเดอร์เข้ามาค่อนข้างมากเช่น 11.11 สามารถจัดส่งได้ 120 ล้านออเดอร์/วัน ซึ่งระบบงานและกระบวนการจัดการสามารถตอบโจทย์ในสิ่งที่ CPAXT ไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม การทำงานร่วมกันยังต้องดำเนินตามนโยบาย CPAXT ที่ต้องมีสิทธิทางปัญญาอยู่ภายใน CPAXT
ด้านความร่วมมือระหว่าง CPAXT และ "ช่ายเหนี่ยว" จะมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์ม iWMS(In-store Warehouse Management System), TMS (Transport Management System) และ โซลูชันแพลนโนแกรม (Planogram) เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการบริหารพื้นที่ชั้นวางสินค้าในสาขาและการจัดการสินค้าคงคลังด้วย AI ซึ่งการพัฒนาระบบเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำในการดำเนินงาน พร้อมสร้างระบบนิเวศค้าปลีกแบบออนไลน์ - ออฟไลน์ที่เชื่อมกันอย่างไร้รอยต่อ
โดยวิสัยทัศน์ในช่วง 3 ปี กลุ่ม CPAXT จะผลักแพลตฟอร์มรีเทลเทค (Retail Technology) ให้เป็นอันดับ 1 ในอาเซียนในด้าน และจะเพิ่มความสามารถด้านดิจิทัล โดยตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้าได้ดีมากขึ้น
สำหรับธุรกิจการทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ และจีน ซึ่งคาดว่าไทยจะมีทิศทางเดียวกัน โดยอนาคต CPAXT คาดหวังความร่วมมือกับกลุ่ม อาลีบาบา กรุ๊ป จะนำระบบ "แม็คโครโปร" ขึ้นไปอยู่บทแพลตฟอร์ต "อาลีบาบา เทียนมอลล์" (Alibaba Tmall)
นอกจากนี้ความร่วมมือกับกลุ่ม "ช่ายเหนี่ยว" ในอนาคตคาดว่าจะจับมือกับกลุ่ม CPAXT ในมาเลเซียซึ่งเป็นตลาดซื้อขายที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากไทย และกลุ่ม CPAXT ในฟิลิปปินส์ เนื่องจากในปี 69 บริษัทฯ เตรียมเปิด แม็คโคร (Makro) จำนวน 4 สาขา
" CPAXT กำลังพัฒนาโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งออกแบบเฉพาะสำหรับความต้องการของตลาดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำด้าน Retail Tech ในอาเซียน" นายธนิศร์กล่าว
นายปี้ เจียงหัว รองประธานบริษัทและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายเทคโนโลยีโลจิสติกส์ ช่ายเหนี่ยว เปิดเผยว่า เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ในการเดินทางสู่การเปลี่ยนผ่านธุรกิจค้าปลีก ทีมของเราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อออกแบบโซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจของลูกค้า ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับกลยุทธ์ด้าน omnichannel ของซีพี แอ็กซ์ตร้า เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ Cainiao สามารถขยายขอบเขตการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสู่ตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งความร่วมมือระหว่าง ซีพี แอ็กซ์ตร้า และ Cainiao สะท้อนความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างสรรค์นวัตกรรม การพัฒนาศักยภาพบุคลากร และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน พร้อมเดินหน้ามุ่งสร้างระบบนิเวศธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัลระดับนานาชาติที่เชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง โดยมีเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับบริการ เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ Cainiao (ช่ายเหนี่ยว) ก่อตั้งในปี 2556 เป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซระดับโลก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ซึ่งให้บริการ 5 ด้านหลัก ได้แก่ ซัพพลายเชนระดับโลก โลจิสติกส์ข้ามพรมแดน บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศและภายในประเทศ เทคโนโลยีโลจิสติกส์ และโลจิสติกส์ปาร์ค โดยมีเครือข่ายโลจิสติกส์อัจฉริยะครอบคลุมกว่า 200 ประเทศ ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ปัจจุบัน มีการนำโซลูชันเทคโนโลยีโลจิสติกส์ของ Cainiao ไปใช้ใน 27 ประเทศ ภายใต้โครงการความร่วมมือกว่า 800 โครงการ

|