บล.ยูโอบี ชี้โครงสร้างราคาก๊าซใหม่ เป็นบวกต่อหุ้นต้นน้ำ PTT มีโอกาสรับกำไรคืน 6–7 พันลบ./ปี PTTGC ได้ประโยชน์ 400 ลบ./ปี ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้าถูกกดดันจากต้นทุนก๊าซที่เพิ่มขึ้น 2–3% กระทบกำไร GULF ราว 65–130 ลบ., GPSC 125–250 ลบ.BGRIM 70–140 ลบ.โดยรวมเป็นภาพบวกต่อพลังงานต้นน้ำ-ปิโตรเคมี แต่เป็นลบต่อโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงหลัก บล.ยูโอบี ระบุในบทวิเคราะห์ โรงไฟฟ้า : ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเห็นชอบ หลักเกณฑ์การกําาหนดโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ มีผลดังนี้ 1) ก๊าซหุงต้ม (LPG) ใช้ ต้นทุนเท่ากับราคาเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย 2) การผลิตไฟฟ้า ขนส่ง (NGV) และ อุตสาหกรรม ใช้ราคา pool price เฉลี่ย 3 แหล่ง พม่า / ING นําเข้า / อ่าวไทย (โรงแยก ก๊าซ ใช้ราคาสูงกว่า pool 10%) 
โดยรวมผลของการเกลี่ยราคาใหม่ ส่งผลดังนี้ 1) ดีกับ PTT จากกำไรที่หายไป 1.8 หมื่นล้านบาท อาจได้กลับมา 6-7 พันล้านบาท (คิดเป็น 6- 7% ของกําไรปี 69) 2) ดีกับ PTTGC เพราะน่าจะได้เงินกลับมา ปีละ 400 ล้านบาท (อาจ เพิ่มมากกว่านี้หากใช้ Ethane มากขึ้น และราคาปิโตรเคมีดี) 3) เป็นลบเล็กน้อยกับ โรงไฟฟ้า จากต้นทุน ที่คาดแพงขึ้น 2-3% กระทบต่อกําไร GULF 65-30 ล้านบาท (0.2- Q,4%) / GPSC 125-250 ล้านบาท (2-3%) / BGRIM 70-140 ล้านบาท (3-5%) 
|