พาณิชย์ เผย เงินเฟ้อทั่วไป เดือน พ.ย. 68 หดตัว 0.49% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ส่งผลทั้งปีนี้เงินเฟ้อติดลบ 0.15 - 0.2% ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ส่วนปี 69 คาดอยู่ระหว่าง 0-1% ขณะที่ประเมินน้ำท่วมกระทบเงินเฟ้อ 0.01-0.05% เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกในเดือนม.ค.69 เหตุมีโรงงานที่ถูกน้ำท่วมจำนวน 715 โรงงาน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 1,282 ล้านบาท นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) เปิดเผยถึง ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนพฤศจิกายน 2568 เท่ากับ 100.15 เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2567 ซึ่งเท่ากับ 100.64 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.49% (YoY) เป็นการลดลงในอัตราที่ชะลอตัว (เดือนตุลาคม 2568 ลดลง 0.76%) โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงลดลงมาจากราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้าครัวเรือน และ น้ำมันเชื้อเพลิง ปรับลดลงตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก และ มาตรการลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐ ขณะที่สินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากลดลงต่อเนื่องมา 3 เดือน จากการสูงขึ้นของราคาผักสด อาหารสำเร็จรูป และ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เฉลี่ย 11 เดือน (มกราคม – พฤศจิกายน) ของปี 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ลดลง 0.12% (AoA) อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ จากข้อมูลล่าสุดเดือนตุลาคม 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.76% (YoY) โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 3 จาก 132 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และ ต่ำสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน 9 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน ติมอร์-เลสเต สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม สปป.ลาว) ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน) สูงขึ้น 0.66% (YoY) เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจากเดือนตุลาคม 2568 ที่สูงขึ้น 0.61% (YoY) "เงินเฟ้อในเดือนพ.ย. ที่ติดลบ 0.49% ถือว่าติดลบ 8 เดือนติดต่อกัน และ ทำให้ปีนี้มองว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ -0.15% ถึง -0.2% โดยถ้า -0.15% เงินเฟ้อเดือนธ.ค. จะอยู่ที่ -0.48% แต่ถ้า -0.2% เงินเฟ้อเดือนธ.ค. ก็จะอยู่ที่ -1.08% ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อปีนี้ติดลบต่อเนื่อง 4 ปี หากมองย้อนไปในปี 2563 เงินเฟ้อติดลบ 10 เดือนติดต่อกันที่ -0.85% โดยมาจากโควิด และ หาก 12 เดือนติดต่อกัน เงินเฟ้อ -0.9% ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้"นายนันทพงษ์ กล่าว 
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2569 จะอยู่ระหว่าง 0.0% - 1.0% (ค่ากลางอยู่ที่ 0.5%) โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ 1.ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากนโยบายรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ ประกอบกับ เกษตรกรมีแนวโน้มลดปริมาณการเพาะปลูกสินค้าที่ราคาต่ำในปีก่อนหน้า ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรบางประเภทจะเข้าสู่ตลาดน้อยลง ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น 2.ภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 34.9 ล้านคน (เพิ่มขึ้นจาก 33.4 ล้านคน ในปี 2568) และ มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ 2.79 ล้านล้านบาท ทำให้สินค้า และ บริการที่เกี่ยวข้องอาจปรับราคาสูงขึ้น ในขณะที่ปัจจัยกดดันให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่ 1.ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับลดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปี 2568 2.ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่ากระแสไฟฟ้าครัวเรือน ค่าโดยสารสาธารณะ และ การตรึงราคาก๊าซ LPG 3.เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำเพียง 1.7% ในปี 2569 ต่ำกว่าปี 2568 ซึ่งอยู่ที่ 2.0% และ เป็นการขยายตัวต่ำกว่า 3.0% เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ทำให้อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ และ ขาดแรงส่งไปยังเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ และ 4.มีแนวโน้มนำเข้าเงินเฟ้อต่ำจากต่างประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศสำคัญขยายตัวในระดับต่ำ ส่งผลให้มีการผลิตและการส่งออกสินค้าที่ราคาลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่า จะทำให้ไทยนำเข้าสินค้าราคาต่ำ โดยเฉพาะเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมพบว่า มีโรงงานที่ได้รับผลกระทบ 715 โรงงาน เสียหายกว่า 1,282 ล้านบาท และ เป็นโรงไฟฟ้า 17 แห่งที่หยุดผลิตชั่วคราว สำหรับการส่งออก มีผลกระทบจำนวน 442 ราย มูลค่า 815.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบเป็น MSMEs จำนวน 280 ราย คิดเป็นมูลค่า 61.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญของ MSMEs ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ไม้แปรรูป ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้อื่นๆ ผักสด แช่เย็น ซึ่งตลาดที่ไทยส่งออกไป เช่น จีน สหรัฐ มาเลเซีย เกาหลีใต้ "น้ำท่วมคาดจะกระทบต่อเงินเฟ้อประมาณ 0.01-0.05% เนื่องจากตอนนี้สถานการณ์น้ำท่วมดีขึ้น แต่ภาคการส่งออกคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบในเดือนม.ค. 69"นายนันทพงษ์ กล่าว |