MGC เผยกำไร Q3/68 แตะ 253 ลบ. เพิ่มขึ้น 2,526%YoY รายได้รวมแตะ 5,859 ลบ. เติบโต 29% ขณะที่งวด 9 เดือนกำไร 362 ลบ. โต 619% บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.14 บ./หุ้นหุ้น XD วันที่ 27 พ.ย. นี้ ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/68 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,526% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และ มีรายได้รวม 5,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% (YoY) ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคา และ ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ 738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% (YoY) ทำให้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 619% (YoY) และ มีรายได้รวม 14,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% (YoY) ขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ 1,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% (YoY) จากการควบคุมและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างโดดเด่น ส่งผลให้คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญ ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 (Record Date) และ กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 พร้อมจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทฯ มุ่งเน้นการวางแผนธุรกิจอย่างชัดเจนและครอบคลุม โดยทิศทางไตรมาส 4/68 มีแนวโน้มดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และ เป็นช่วงตัดสินใจเปลี่ยนรถยนต์ใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการนำรถยนต์เข้ารับบริการหลังการขาย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางในช่วงวันหยุดยาว ทำให้บริษัทฯ ได้เดินหน้ากระตุ้นยอดขายแบบครบวงจรภายใต้ MGC Ecosystem อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด XPENG เพิ่งเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะเพิ่มอีก 1 รุ่น คือ ‘G6 Standard Range’ ที่เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีและประสิทธิภาพที่ได้รับ นับว่าคุ้มค่ากับราคา 1,189,000 บาท ส่วนรถตู้ไฟฟ้าอัจฉริยะยอดนิยม XPENG X9 ขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้านยอดจดทะเบียนสะสม 5 เดือนต่อเนื่อง และ MGC-ASIA ก็เตรียมจัดทัพใหญ่ร่วมงาน Motor Expo 2025 ครั้งที่ 42 วันที่ 29 พ.ย.–10 ธ.ค. 68 เพื่อกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี คาดว่า จะได้รับออเดอร์ใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เป็นการเพิ่มยอด Backlog ที่รอส่งมอบ ณ ปัจจุบัน (12 พ.ย. 2568) อยู่ที่ 634 คัน แบ่งเป็น XPENG 129 คัน, ZEEKR 91 คัน, Rolls-Royce 7 คัน, BMW 135 คัน, MINI 30 คัน, HONDA 163 คัน, Harley-Davidson 44 คัน, BMW Motorrad 34 คัน และเรือแม่น้ำ Chris-Craft จำนวน 1 ลำ 
จากกลยุทธ์ดังกล่าวสะท้อนถึงผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/68 ของบริษัทฯ ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น แบ่งเป็น ธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ มีรายได้อยู่ที่ 10,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% (YoY) เนื่องจากยอดจองซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ Rolls-Royce, BMW, MINI, Honda และ โดยเฉพาะ XPENG ที่มีกระแสตอบรับดีเกินคาด นับเป็นการเติบโตที่สำคัญที่สุดของกลุ่มในปีนี้ การันตีด้วยรางวัลระดับโลก ‘Best Organization Award 2025’ จากบริษัทแม่กับเครือข่ายผู้จำหน่าย 15 รายในปัจจุบัน พร้อมแผนการขยายอีก 6 ดีลเลอร์ รวมเป็น 21 สาขา ช่วงไตรมาส 1/69 กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ มีรายได้ 2,849 ล้านบาท จากยอดใช้บริการที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร (One-Stop Service) ตอกย้ำถึงศักยภาพการให้บริการด้านการจัดการ งานบริการซ่อมได้ครอบคลุมตามมาตรฐานสากล ทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้สามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่า และ พนักงานขับ มีรายได้ 1,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% (YoY) จากการเพิ่มจำนวนรถฟลีท โดยเฉพาะฟลีทรถยนต์ BMW, MINI และ รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ชั้นนำ เพื่อรองรับการปล่อยเช่าทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตามความต้องการที่สูงขึ้น และ สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป กลุ่มธุรกิจอื่นๆ มีรายได้อยู่ที่ 44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.1% (YoY) โดยมาจากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตใกล้เคียงตามแผนที่วางไว้ โดยในส่วนธุรกิจให้บริการด้านการเงิน ภายใต้ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) โดยมีการเติบจากรายได้ของพอร์ตสินเชื่อเพื่อความมั่งคั่ง (Wealth Lending) ส่งผลให้กำไรก่อนสำรองเพิ่มขึ้นกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ธุรกิจบริการประกันภัย ที่บริหารงานโดย บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) สามารถทำรายได้แตะระดับ 91 ล้านบาท เติบโต 21.1% (YoY) และ มีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท จากยอดขายในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างโดดเด่น  |