อ้างอิงสำนักข่าวซินหัว ระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า ยุคใหม่และเส้นทางใหม่มีโอกาสมากมายรออยู่ในการพัฒนาเศรษฐกิจสำหรับภาคเอกชน รวมถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ และเพิ่มเติมว่า ถึงเวลาแล้วที่บริษัทและผู้ประกอบการภาคเอกชนจะต้องแสดงความสามารถของตนเองออกมา ผู้นำจีน ยังระบุว่า จีนต้องผนึกความคิดเป็นหนึ่งเดียวกัน เสริมสร้างความเชื่อมั่น และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนให้เติบโตอย่างแข็งแรงและมีคุณภาพ" รวมถึงลดการให้ความสำคัญกับความท้าทายทางการเงินของภาคธุรกิจในปัจจุบันลง ซึ่งผู้นำจีนมองว่า เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวในประเทศ และกำลังอยู่ในขั้นตอนการปฏิรูป "เราต้องมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาหนี้ค้างชำระของบริษัทเอกชน ยกระดับการกำกับดูแลการบังคับใช้กฎหมาย แก้ไขการตั้งข้อกล่าวหา การเรียกปรับ ตรวจสอบ และจับกุมที่ไม่ถูกต้อง พร้อมทั้งปกป้องสิทธิและผลประโยชน์โดยชอบธรรมตามกฎหมายของบริษัทและผู้ประกอบการเอกชนอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องตามหลักกฎหมาย” โดยผู้นำจีนเรียกร้องให้ความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐบาลและภาคธุรกิจเป็นไปอย่างโปร่งใส การประชุมในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการดำเนินงานของรัฐบาลจีน ที่มุ่งปราบปรามภาคธุรกิจและจำกัดอำนาจในการดำเนินงานของเอกชนเมื่อหลายปีก่อน โดยรัฐบาลจีนยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่ซบเซา และภาวะตกต่ำของภาคอสังหาริมทรัพย์ การออกมาเรียกร้องเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นยังเกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีศุลกากรและการแข่งขันด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น โดยการแข่งขันทางเทคโนโลยียังได้รับความสนใจหลังจากที่ DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพของจีนเปิดตัว AI เมื่อปลายเดือนม.ค. ที่ผ่านมา โดยเหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่เข้าร่วมด้วย เช่นเดียวกับแจ็ค หม่า จาก Alibaba, เหริน เจิ้งเฟย จาก Huawei, เล่ย จุน จาก Xiaomi, หวัง ฉวนฟู่ จาก BYD, โรบิน เจิ้ง จาก CATL, โพนี่ หม่า จาก Tencent รวมไปถึงผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อีกหลายราย ที่มา CNBC รายงาน โดย Supak Hopuengju
reporter