Goldman Sachs เปิดเผยว่า บรรดานักลงทุนจากสหรัฐฯ กำลังเร่งเข้าซื้อหุ้นญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังตลาดหุ้นโตเกียว ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ บรูซ เคิร์ก ( Bruce Kirk) หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์หุ้นญี่ปุ่น ของ Goldman Sachs เปิดเผยว่า “กระแสเงินทุนจากสหรัฐฯ ไหลเข้าญี่ปุ่นในอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ยุคอาเบะโนมิกส์” พร้อมระบุว่า การมีส่วนร่วมของนักลงทุนสหรัฐฯ ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2022 และเขาได้รับคำขอเข้าพบจากลูกค้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การไหลเข้าของเงินทุนดังกล่าว สะท้อนถึงผลการดำเนินงานอันแข็งแกร่งของตลาดหุ้นญี่ปุ่น เมื่อเทียบในหน่วยดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นราว 2.5% และความเชื่อมั่นใหม่ ที่เกิดจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ โดยดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวขึ้นประมาณ 30% ในปีนี้ ซึ่งเมื่อคิดเป็นดอลลาร์สหรัฐ พบว่าสูงกว่าดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 14% เป็นอย่างมาก 
บรูซ เคิร์ก กล่าวเพิ่มเติมว่า การไหลเข้าของเงินทุนจากสหรัฐฯ มากขึ้น อาจเป็นจุดเปลี่ยนของตลาดหุ้นญี่ปุ่น จากเดิมที่เน้นหุ้นคุณค่า (Value stocks) มาสู่หุ้นเติบโต (Growth stocks) โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ซึ่งนักลงทุนชาวอเมริกัน ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2021 หุ้นคุณค่าในญี่ปุ่น ได้แสดงผลงานดีกว่าหุ้นเติบโตต่อเนื่องถึง 4 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายสนับสนุนนักลงทุนของตลาดหลักทรัพย์โตเกียวและรัฐบาล “ถือเป็นสัญญาณสำคัญมาก ที่นักลงทุนสหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วมเพิ่มขึ้น เพราะพวกเขามักให้ความสนใจกับธีมเทคโนโลยีและ AI เป็นพิเศษ” ขณะเดียวกัน ยังมองว่า เงินทุนต่างชาติยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นญี่ปุ่นต่อเนื่อง เนื่องจากสถานะการถือครองสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในหุ้นญี่ปุ่น ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงพีคของยุคอาเบะโนมิกส์ ซึ่งหมายความว่ายังมีช่องว่างสำหรับการเข้าซื้อต่อไป โดยการกระจายพอร์ตของนักลงทุนทั่วโลกจะช่วยรักษาแนวโน้มนี้ให้ดำเนินต่อไป ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Japan Exchange Group ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นญี่ปุ่นทั้งในตลาดเงินสดและฟิวเจอร์สรวมมูลค่า 384,000 ล้านเยน (ประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนต.ค. อย่างไรก็ดี เคิร์กเตือนว่า ดัชนี Nikkei เริ่มเข้าสู่ช่วงซื้อมากเกินไป (Overbought) ตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. และจะไม่แปลกใจหากตลาดมีการพักฐานเกิดขึ้น ที่มา Bloomberg 
|