
บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS กำลังเป็นที่จับตามองในฐานะหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตที่น่าสนใจ แม้จะดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทายของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวม บทความนี้ สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จะทำการวิเคราะห์เจาะลึกในทุกมิติ ตั้งแต่โมเดลธุรกิจหลัก ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โครงการลงทุนแห่งอนาคต ไปจนถึงความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน (ESG) เพื่อให้นักลงทุนเห็นภาพรวมและใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าหุ้น BAFS เป็นโอกาสที่น่าสนใจในสภาวะตลาดปัจจุบันหรือไม่

BAFS ได้วางรากฐานทางธุรกิจอย่างมั่นคงในฐานะผู้ให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานรายใหญ่ของไทย โดยมีหัวใจหลัก คือ บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานยุทธศาสตร์ของประเทศ ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสมุย ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลและความน่าเชื่อถือในการดำเนินงาน ทำให้ BAFS เป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมการบินไทย
แต่วิสัยทัศน์ของ BAFS ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น บริษัทได้ขยายศักยภาพสู่ธุรกิจการขนส่งน้ำมันทางท่อ ซึ่งเป็นระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ เพื่อตอบรับทิศทางของโลกสมัยใหม่ BAFS ยังได้กระจายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด เช่น ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ซึ่งไม่เพียงช่วยกระจายความเสี่ยงทางรายได้ แต่ยังสอดคล้องกับแนวทางการเติบโตอย่างยั่งยืน

ในสภาวะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยยังคงเผชิญกับความท้าทาย แต่ BAFS กลับสามารถนำเสนอผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการบริหารจัดการและปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่มั่นคง
ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ปี 2568
ภาพรวมผลการดำเนินงานของ BAFS แสดงให้เห็นถึงเส้นทางการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากช่วงที่เผชิญกับผลขาดทุน สู่การพลิกกลับมาทำกำไรและเติบโตได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568
| รายการ | ปี 2564 | ปี 2565 | ปี 2566 | ปี 2567 | 9 เดือนแรก ปี 2568 |
| รายได้รวม | 1,678.93 | 2,410.28 | 3,160.21 | 3,588.86 | 2,758.5 |
| กำไรสุทธิ | -784.78 | -281.43 | -138.05 | 102.86 | 243 |
| กำไร (บาท/หุ้น) | -1.23 | -0.44 | -0.26 | 0.08 | 0.32 |
จากตารางข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่า BAFS ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายและสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้อย่างน่าประทับใจ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัททำกำไรได้ถึง 243.0 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
เมื่อพิจารณาข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 (9 เดือนแรก) พบว่า รายได้รวม อยู่ที่ 2,758.5 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิ 243 ล้านบาท เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 59% และ EBITDA เติบโต 8% มาอยู่ที่ 1,368.3 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการฟื้นตัวของธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่ประกาศอย่างเป็นทางการ BAFS รายงานกำไรสุทธิ 102.9 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการกลับมาสู่ภาวะปกติของธุรกิจหลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19
โครงสร้างรายได้ตามกลุ่มธุรกิจ
การเติบโตมาจากความแข็งแกร่งของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 มีโครงสร้างรายได้ดังนี้:
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยเสี่ยง เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไม่ทั่วถึง และการแข็งค่าของเงินบาท แต่การเดินทางทางอากาศยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญ คือ การขยายเที่ยวบินระยะไกล โดยเฉพาะเส้นทางยุโรปและเที่ยวบินเส้นทางประเทศอินเดีย รวมถึงการฟื้นตัวของเที่ยวบินในประเทศ
บริษัทมองการณ์ไกลในปี 2069 ด้วยการเน้นขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะตลาดกัมพูชา เมียนมา ลาว และไทย ผ่านการลงทุนในรถเติมน้ำมันอากาศยานและอุปกรณ์ภาคพื้น ซึ่งในปี 2068 ได้ใช้งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ทั้งเพื่อขยายตลาดและส่งมอบรถเติมน้ำมันให้กับลูกค้าต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันที่ทันสมัยและยาวที่สุดในประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันสู่ภาคเหนือ ภายในปี 2569 ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างฐานรายได้ในระยะยาวได้อย่างมั่นคง
BAFS ยังมุ่งเน้นการเติบโตที่สมดุลและยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง Aviation, Utilities และ Power ซึ่งในปีนี้ธุรกิจ Aviation ฟื้นตัวดีจากการเพิ่มเที่ยวบินและนักท่องเที่ยว แม้จะมีความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทำให้รายได้และกำไรขยายตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังมองหาโอกาสลงทุนในพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับเทรนด์โลกที่เปลี่ยนไป
การตอบแทนผู้ถือหุ้น
เพื่อตอบแทนความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น จากผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2567 (2024) รวมทั้งสิ้น 0.30 บาทต่อหุ้น แบ่งเป็น:
นี่เป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในรอบ 5 ปี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความน่าสนใจให้กับการลงทุนในหุ้น BAFS และแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของฝ่ายบริหารต่อผลการดำเนินงานในอนาคต

นอกเหนือจากการเติบโตในธุรกิจหลักด้านบริการเชื้อเพลิงอากาศยานแล้ว BAFS กำลังวางรากฐานการเติบโตแห่งอนาคตผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญของประเทศ นั่นคือโครงการเชื่อมต่อระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (อ่างทอง-สระบุรี) ซึ่งนับเป็นย่างก้าวเชิงยุทธศาสตร์ที่จะยกระดับศักยภาพของบริษัทและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงข่ายโลจิสติกส์พลังงานของไทยในระยะยาว
ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์
โครงการนี้ คือ การก่อสร้างท่อส่งน้ำมันเฟส 3 ที่มีความยาว 52 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างอ่างทองและสระบุรี โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำมันภาคเหนือของบริษัทในเครือ BAFS Pipeline Transportation (BPT) เข้ากับระบบท่อส่งน้ำมันของบริษัท ไทยปิโตรเลียมไปป์ไลน์ จำกัด (Thappline) อย่างสมบูรณ์ เมื่อแล้วเสร็จจะทำให้ระบบท่อส่งน้ำมันของ BAFS Group มีความยาวรวมทั้งสิ้น 726 กิโลเมตร
การเชื่อมต่อนี้ไม่ได้เป็นเพียงการขยายเส้นทาง แต่เป็นการสร้างโครงข่ายโลจิสติกส์พลังงานให้มีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการพึ่งพาการขนส่งทางถนนซึ่งมีต้นทุนสูงกว่าและมีความเสี่ยงมากกว่า ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างความมั่นคงด้านการจัดส่งพลังงานไปยังภาคเหนือและภาคกลางตอนบนของประเทศ
กรอบเวลาและผลกระทบ
โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันสายอ่างทอง-สระบุรี เฟส 3 ได้เริ่มก่อสร้างเมื่อไตรมาส 1 ปี 2568 (Q1/2025) และคาดว่าจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2569 (2026) การเปิดดำเนินงานของโครงการนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานของ BAFS อย่างมีนัยสำคัญ โดยจะช่วยผลักดันให้ปริมาณการขนส่งน้ำมันผ่านท่อเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ของบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
โครงการนี้นับเป็นหัวใจสำคัญในยุทธศาสตร์การเติบโตของ BAFS เพราะไม่ใช่เพียงแค่ช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขัน แต่ยังสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงข่ายโลจิสติกส์พลังงานของชาติ และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อไปในอนาคต
ปัจจัยสนับสนุน
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา
BAFS กับอนาคตที่ยั่งยืนผ่านกลยุทธ์ ESG

สำหรับการดำเนินธุรกิจโดยยึดหลัก ESG (Environment, Social, and Governance) BAFS ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการผสานหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์องค์กร จนได้รับการยอมรับในระดับประเทศและเป็นที่จับตามองของนักลงทุน โดยความทุ่มเทดังกล่าวสะท้อนผ่านการที่ BAFS ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน THSI (Thailand Sustainability Investment) เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน และได้รับการรับรองเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral Company)
ด้านสิ่งแวดล้อม : เป้าหมาย Net Zero
BAFS ได้วางเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนและท้าทาย โดยตั้งเป้าหมายในการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) พร้อมเป้าหมายระยะกลางคือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว บริษัทได้ดำเนินนโยบายและโครงการที่เป็นรูปธรรมหลายด้าน:
ด้านสังคม : ใส่ใจบุคลากรและชุมชน
รากฐานที่สำคัญของ BAFS คือ บุคลากรและสังคมรอบข้าง บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานและการสร้างประโยชน์คืนสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง:
ด้านธรรมาภิบาล : โปร่งใสและเป็นเลิศ
ความโปร่งใสและหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นสิ่งที่ BAFS ยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด ความสำเร็จในด้านนี้ได้รับการยืนยันจากการที่ BAFS ได้รับคะแนนการกำกับดูแลกิจการ (CG Scoring) ในระดับ “ยอดเยี่ยม” (Excellent) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้ และมีความรับผิดชอบ

จากการวิเคราะห์ข้อมูลในทุกมิติ สามารถสรุปภาพรวมการลงทุนใน หุ้น BAFS ได้ว่า เป็นหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโตที่น่าสนใจหลายประการ ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว
จุดเด่นหลัก
จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน หุ้น BAFS จึงนับเป็นตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในบริษัทที่มีพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน และดำเนินงานภายใต้กรอบของการลงทุนที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางแรงกดดันและความผันผวนจากปัจจัยภายนอก นักลงทุนควรตระหนักและติดตามประเด็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นควบคู่ไปด้วยเสมอ
อ้างอิงข้อมูลจาก bafsthai,sustainabilitybafsthai,Financial Performance,Set,BAFS,BAFS GROUP x Thappline,Company Milestones,investing,