
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีการเปลี่ยนชื่อบริษัท และชื่อย่อหลักทรัพย์ ตั้งแต่ช่วง 1 ม.ค.2566 - 5 พ.ย.2568 พบว่า มีทั้งหมดถึง 24 บริษัท ที่ช่วงดังกล่าวมีการเปลี่ยนชื่อรีแบรนด์ธุรกิจใหม่ ประกอบด้วย
24 บจ.เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ช่วง 3 ปีหลัง | ||
ชื่อบริษัทใหม่(ชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่) | ชื่อบริษัทเดิม(ชื่อย่อหลักทรัพย์เดิม) | มีผล |
ออริจิ้น โกลบอล เอมไพร์ | ทเวนตี้ โฟร์ คอน แอนด์ ซัพพลาย | 3 พ.ย.68 |
สตาร์ มันนี่(STARM) | สตาร์ มันนี่ | 1 ก.ย.68 |
มาดาม ไบโอไซเอนซ์(MADAME) | โกลบอล คอนซูเมอร์ | 30 ก.ค.68 |
เทคลีด เอ็นพีเอ็น(TL) | เทคลีด เอ็นพีเอ็น | 5 มิ.ย.68 |
ดับบลิว เอส โอ แอล(WSOL) | สบาย เทคโนโลยี | 23 พ.ค.68 |
ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง(EAST) | ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง | 4 มี.ค.68 |
เอ็กซ์ ไบโอไซเอนซ์(XBIO) | วาว แฟคเตอร์ | 13 ม.ค.68 |
สเตลล่า เอ็กซ์ | ณุศาศิริ | 2 ม.ค.68 |
อาร์เอสเอ็กซ์วายแซด*(XYZ) | กิฟท์ อินฟินิท | 16 ธ.ค.67 |
ทีเอสอาร์ ลิฟวิ่ง โซลูชั่น*(TSR) | สบาย คอนเน็กซ์ เทค | 8 พ.ย.67 |
วีเซิร์ฟ เอ็นเตอร์ไพรส์(VS) | โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ | 4 พ.ย.67 |
บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป(BTC) | บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป | 29 พ.ค.67 |
ออลล์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ ยูทิลิตี้*(AE) | เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ | 16 พ.ค.67 |
เพียร์ ฟอร์ ยู(PEER) | วันทูวัน คอนแทคส์ | 18 ม.ค.67 |
ร็อคเทค โกลบอล(ROCTEC) | มาสเตอร์ แอด | 28 ธ.ค.66 |
บางจาก ศรีราชา(BSRC) | เอสโซ่ (ประเทศไทย) | 15 พ.ย.66 |
ซาเล็คต้า | เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ | 26 ก.ย.66 |
ซีพี แอ็กซ์ตร้า(CPAXT) | สยามแม็คโคร | 21 มิ.ย.66 |
เฮลท์ เอ็มไพร์ คอร์ปอเรชั่น (HEALTH) | เฮลท์ เอ็มไพร์ คอร์ปอเรชั่น (HEMP) | 17 พ.ค.66 |
เอเคเอส คอร์ปอเรชั่น(AKS) | เอคิว เอสเตท (AQ) | 8 พ.ค.66 |
ซุปเปอร์ เทอร์เทิล(TURTLE) | เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ | 3 พ.ค.66 |
เซ็น เอกซ์*(SENX) | เสนา เจ พร็อพเพอร์ตี้ | 9 มี.ค.66 |
กรีนเทค เวนเจอร์ส*(GTV) | ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย | 1 มี.ค.66 |
เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์(SJWD) | เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ | 17 ก.พ.66 |
ที่มา : SETSMART ณ 5 พ.ย.68 *TSR เดิมเคยชื่อ SBNEXT และ TSR*AE เดิมเคยชื่อ 7UP และ FER | ||
ในช่วง 3 ปีล่าสุด พบว่าบริษัทที่มีการเปลี่ยนชื่อมากที่สุด ส่วนใหญ่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 16 บริษัท ขณะที่ บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มีจำนวน 8 บริษัท
กลุ่มธุรกิจบริการ และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ติดโผมากสุด จำนวน 4 บริษัท เท่ากัน รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์, พลังงานและสาธารณูปโภค, พาณิชย์ และอาหารและเครื่องดื่ม ที่ติดโผ จำนวน 2 บริษัท เท่ากัน
ขณะที่ สถิติย้อนหลังตั้งแต่ช่วงปี 2566 เป็นต้นมา พบว่า ปีที่มีบริษัทเปลี่ยนชื่อรีแบรนด์ธุรกิจมากที่สุด คือ ปี 2566 จำนวน 10 บริษัท ขณะที่ ปี 2568 ผ่านไปแล้ว 10 เดือน มี 8 บริษัท ที่มีการเปลี่ยนชื่อรีแบรนด์ธุรกิจ ส่วนปี 2567 มีจำนวน 6 บริษัท
โดย บมจ.ออริจิ้น โกลบอล เอมไพร์ (EMPIRE) เป็นบริษัทล่าสุดที่เพิ่งประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บมจ.ทเวนตี้ โฟร์ คอน แอนด์ ซัพพลาย (24CS) มีผลตั้งแต่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุผลหลักของการเปลี่ยนชื่อบริษัท คือ การรีแบรนด์ และปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทิศทางการดำเนินธุรกิจ
สะท้อนจากการขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมจำหน่าย ปลีก ส่ง เครื่องสำอาง, อาหารเสริม, เครื่องมือแพทย์ และสารเคมีหรือวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ ผ่านช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ หลังจากได้เข้าซื้อกิจการกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ขณะที่ บริษัทก่อนหน้านี้ คือ บมจ.สตาร์ มันนี่ (STARM) ที่ได้เปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จากเดิม (SM) แต่ยังคงชื่อบริษัทเดิมไว้ มีผลตั้งแต่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของบริษัท ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ "STARM" ซึ่งเป็นคำที่มาจากชื่อเต็มของบริษัท เพื่อเสริมสร้างและปรับความชัดเจนขององค์กร และสอดคล้องกับทิศทางและกลยุทธ์ของบริษัทมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีอีก 6 บริษัท ที่ปีนี้ มีการเปลี่ยนชื่อรีแบรนด์ธุรกิจใหม่ ประกอบด้วย บมจ.มาดาม ไบโอไซเอนซ์ (MADAME) ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก บมจ.โกลบอล คอนซูเมอร์ (GLOCON) มีผลตั้งแต่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทมีการเปลี่ยนทิศทาง และโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ เพื่อมุ่งเน้นไปยังธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง อาทิ รุกอุตสาหกรรมเสริมความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ เป็นต้น
ด้าน บมจ.เทคลีด เอ็นพีเอ็น (TL) เปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จาก "EE" แต่ยังคงชื่อบริษัทเดิมไว้ มีผลตั้งแต่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องด้วยมีการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่เพื่อรุกธุรกิจเทคโนโลยี หลังตั้งบริษัท เทคลีด เอ็กซ์ โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจเทคโนโลยี อีกทั้ง การเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น "TL" ยังเป็นการสอดคล้องกับชื่อ "เทคลีด" อีกด้วย
ฟาก บมจ.ดับบลิว เอส โอ แอล (WSOL) เปลี่ยนชื่อจาก บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) มีผลตั้งแต่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุผลหลักของการเปลี่ยนชื่อบริษัท คือ การปรับโครงสร้างและการฟื้นฟูกิจการภายใต้การบริหารใหม่ มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตและความยั่งยืนในระยะยาว
สะท้อนจาก "อิทธิชัย พูลวรลักษณ์" ได้รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทนที่ "วิรัช มรกตกาล" ในเดือน พ.ย.2567 บริษัทได้เริ่มดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อฟื้นฟูกิจการ โดยมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตของรายได้ผ่านการให้บริการโซลูชั่นใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ B2B Solutions, B2C Solutions และ Financial Solutions อีกส่วนหนึ่ง คือ WSOL ต้องการแก้ไขปัญหาฐานะการเงิน โดยมีการเลื่อนชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ และจัดการประชุมกับผู้ถือหุ้นกู้เพื่อหาทางออกในการปรับโครงสร้างหนี้
ขณะที่ บมจ.ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง (EAST) เปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จาก "ECL" แต่ยังคงใช้ชื่อบริษัทเดิม มีผลตั้งแต่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ดังกล่าว สะท้อนถึงการเริ่มต้นใหม่ และการเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับพันธมิตรรายใหญ่อย่าง ITOCHU Corporation จากประเทศญี่ปุ่น และกลุ่ม PREMIUM ดังนั้น การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ ยังตอกย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้น และแผนการเติบโตในอนาคตด้วย
ต่อด้วย บมจ.เอ็กซ์ ไบโอไซเอนซ์ (XBIO) ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาจาก บมจ.วาว แฟคเตอร์ (W) มีผลตั้งแต่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการเปลี่ยนชื่อและชื่อย่อหลักทรัพย์นี้ สะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้านอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะความต้องการที่จะขยายตลาดเครื่องดื่มออร์แกนิกในประเทศสหรัฐฯผ่านความร่วมมือกับ Albertson’s ซึ่งเป็นเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ ครอบคลุม 35 รัฐและคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกราว 30-40%
ส่วน บมจ.สเตลล่า เอ็กซ์ (STELLA) เปลี่ยนชื่อจาก บมจ.ณุศาศิริ (NUSA) มีผลตั้งแต่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา เพราะต้องการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์ทางธุรกิจครั้งใหญ่ สะท้อนจากการเปลี่ยนคณะผู้บริหารชุดใหม่ และมีแผนการเติบโตระยะยาว ผ่านกลยุทธ์หลัก อาทิ อสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยม, ธุรกิจสุขภาพ และธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกถึง 5 บริษัท ที่เคยเปลี่ยนชื่อบริษัทมากกว่า 1 ครั้ง ประกอบด้วย บมจ.อาร์เอสเอ็กซ์วายแซด (XYZ) ที่เปลี่ยนชื่อจาก บมจ.กิฟท์ อินฟินิท (GIFT) ตั้งแต่ 16 ธ.ค.2567 เนื่องจากได้มีการควบรวมกิจการระหว่างเครือ RS กับ GIFT ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจและสร้างความแข็งแกร่งในตลาดใหม่
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ บมจ.กิฟท์ อินฟินิท (GIFT) ก็เคยเปลี่ยนชื่อจาก บมจ.แกรททิทูด อินฟินิท (GIFT) มาแล้ว การเปลี่ยนชื่อดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ GIFT ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ อาร์เอส กรุ๊ป และมีแผนการขยายธุรกิจในกลุ่ม Consumer Lifestyle โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น สุขภาพ, เวลเนส, ฮอสพิทอลลิตี้, ท่องเที่ยว และการศึกษา อีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญจากเดิมหุ้นละ 1.00 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและดึงดูดนักลงทุนให้เข้าถึงหุ้นของบริษัทได้มากขึ้นด้วย
ด้าน บมจ.ทีเอสอาร์ ลิฟวิ่ง โซลูชั่น (TSR) ที่เปลี่ยนชื่อจาก บมจ.สบาย คอนเน็กซ์ เทค (SBNEXT) ตั้งแต่ 8 พ.ย.2567 ขณะที่ก่อนหน้านั้นในปี บมจ.สบาย คอนเน็กซ์ เทค (SBNEXT) ก็ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่จาก เดิม บมจ.เธียรสุรัตน์ (TSR) หลังได้กลุ่ม SABUY เข้ามาร่วมมือทางธุรกิจ แต่เมื่อความสัมพันธ์กับกลุ่ม SABUY เปลี่ยนแปลงไป บริษัทจึงตัดสินใจปรับชื่อและชื่อย่อหลักทรัพย์กลับมาเป็น TSR เพื่อสะท้อนถึงการกลับสู่รากฐานเดิม และปรับภาพลักษณ์ของบริษัทนั่นเอง
ฟาก บมจ.ออลล์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ ยูทิลิตี้ (AE) เปลี่ยนชื่อจาก บมจ.เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (7UP) ตั้งแต่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา การรีแบรนด์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสะท้อนถึงการขยายธุรกิจของบริษัทจากการเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มไปสู่ธุรกิจด้านพลังงานและสาธารณูปโภคที่หลากหลายมากขึ้น การเปลี่ยนชื่อและชื่อย่อหลักทรัพย์จึงเป็นการสะท้อนถึงทิศทางใหม่ของบริษัท
ถ้ายังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ บมจ.เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (7UP) ก็เคยเปลี่ยนชื่อมาจาก บมจ.เฟอร์รั่ม (FER) ในช่วงปี 2561 เพระประสบปัญหาขาดทุนสะสม จึงได้ปรับเปลี่ยนทิศทางธุรกิจโดยมุ่งเน้นไปที่พลังงานทดแทนและสาธารณูปโภค เช่น ธุรกิจสถานีบริการแก๊สและน้ำมัน, การสื่อสารโทรคมนาคม, Internet of Things (IoT) และการกำจัดกากอุตสาหกรรม เป็นต้น
ขณะที่ บมจ.เซ็น เอกซ์ (SENX) เปลี่ยนชื่อจาก บมจ.เสนา เจ พร็อพเพอร์ตี้ (SENAJ) ตั้งแต่ 9 มี.ค.2566 เพื่อต้องการปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีความทันสมัยมากขึ้น หลังได้ซื้อกิจการบริษัท วิคตอรี่ แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด (VMS) และบริษัท แอคคิวท์ เรียลตี้ จำกัด (ACR) ขยายธุรกิจในด้านการบริหารงานนิติบุคคลโครงการที่อยู่อาศัยและธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
แต่ถ้าย้อนหลังไปในปี 2565 บมจ.เสนา เจ พร็อพเพอร์ตี้ (SENAJ) ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาจาก บมจ.เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) เพราะบมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) ได้เข้าซื้อหุ้นของ JSP และมีสัดส่วนการถือหุ้นสัดส่วน 35.35% จึงได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต
ส่วน บมจ.กรีนเทค เวนเจอร์ส (GTV) เปลี่ยนชื่อจาก บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) มีผลตั้งแต่ 1 มี.ค.2566 สะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นไปยังธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียว (Green Tech) โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทน เช่น การขุดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซีในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งใช้พลังงานจากแหล่งน้ำ (Hydropower)
ทั้งนี้ บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) เคยเปลี่ยนชื่อจาก บมจ.ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ (CYBER) ตั้งแต่ 19 พ.ค.2558 โดยมีเหตุผลหลัก คือ ความต้องการขยายรายได้ไปสู่ตลาดใหม่จากเดิมมากขึ้น