คาดกำไรปกติ 4Q68 เพียงทรงตัว YoY ประชุมนักวิเคราะห์วานนี้โทนกลางถึงลบเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากการคาดการณ์ค่าใช้จ่ายพิเศษ 2 รายการ ได้แก่ i)การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญจากผู้ป่วยตะวันออกกลาง ซึ่งคำนวณตามเปอร์เซ็นต์ของยอดค้างชำระราย เดือนตามหลักบัญชี อันเป็นผลจากการปรับวิธีรับชำระเงินจากเดิมที่รับผ่านสถานทูตไทยมาเป็นการรับโดยตรง จากสถานทูตประเทศต้นทาง โดยกระบวนการพิจารณาจ่ายอาจใช้เวลานานขึ้น เนื่องจากเป็น Billing ขนาดใหญ่ ตามจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น แนวทางใหม่นี้จะเริ่มใช้ตั้งแต่ 4Q68 เป็นต้นไป ปัจจุบันมีหนี้คงค้างอยู่ราว 3-4 เดือน และ ii)ค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการตรวจรับรองมาตรฐาน JCI สำหรับ Re-Accredited ทุก 3 ปี มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวผู้บริหารยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางการ ดำเนินงาน 4Q68 สนับสนุนจากการเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะกาตาร์, เมียนมาร์, ลาว และบังคลาเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายพันธมิตร Agency เพื่อเพิ่มการส่งต่อเคสหนัก อีกทั้งกลุ่มลูกค้าประกันชีวิตจาก ต่างประเทศเริ่มเข้ามาเซ็น MOU กับ PR9 เพื่อส่งต่อผู้ป่วยในอนาคต ในส่วนผู้ป่วยไทย ไตรมาสนี้ได้อานิสงส์จาก ฝนที่มาช้ากว่าปกติ ส่งผลให้โรคระบาดตามฤดูกาล เช่น ไข้หวัดใหญ่, RSV เร่งตัวขึ้นตั้งแต่กลางเดือน ก.ย. ซึ่งจะ เป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการในไตรมาสถัดไป และช่วยชดเชยรายได้ผู้ป่วย Fly-In จีน และกัมพูชาที่ชะลอตัว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรวมราว 5-6% ของรายได้ รพ. สำหรับผลประกอบการ 9M68 PR9 มีกำไรสุทธิ 606 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ หากไม่รวมรายการพิเศษจากการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน 10 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการมอบทองคำให้แก่ พนักงานที่มีอายุงานยาวนานเพื่อสร้างความผูกพันกับองค์กร โดยได้รับผลกระทบจากราคาทองคำที่ปรับขึ้น กำไรปกติจะอยู่ที่ 616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7%YoY ตามรายได้ รพ.ที่เติบโต 14.8%YoY โดยเฉพาะจากรายได้ ผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นถึง 90.0%YoY จากการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง กลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นผู้ป่วย ตะวันออกกลาง เช่น กาตาร์ และโอมาน รวมถึงบังคลาเทศ ,เมียนมาร์ และลาว แม้จะเผชิญแรงกดดันจากการชะลอ ตัวของผู้ป่วย Fly-In จีน และกัมพูชา อันเป็นผลจากนโยบายส่งเสริมการใช้จ่ายในประเทศของรัฐบาลจีน และความ ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้สัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติขยับขึ้นเป็น 26% จาก 16% ใน 9M67 ด้าน รายได้จากผู้ป่วยไทย เติบโตเพียง 0.5%YoY จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และฐานโรคระบาดที่สูงในปีก่อน โดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ เพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้ PR9 ใช้มาตรการส่วนลดค่าห้อง 5-10% และร่วมกับบัตรเครดิต แบ่งจ่ายค่าผ่าตัดใหญ่ แม้มาตรการเหล่านี้จะช่วยรักษาฐานลูกค้าไทยไว้แต่ก็สร้างแรงกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้น บางส่วน นอกจากนี้ยังมีค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดศูนย์เวชศาสตร์ และลงทุนเครื่อง MRI ใหม่ ในเดือน ก.ค.- ส.ค. ที่ผ่านมา รวมถึงการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานดังกล่าวข้างต้น ซึ่งถูกบันทึกเป็นต้นทุนราว 7 ล้านบาท ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น 9M68 อยู่ที่ 36.5% จาก 34.0% ในช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ SG&A/Sales อยู่ที่ 19.7% ใกล้เคียงปีก่อน แม้มีค่าใช้จ่ายตลาดต่างประเทศ และรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เช่น ค่าตัดจำหน่าย ทรัพย์สิน 5 ล้านบาท, ค่าใช้จ่ายตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานส่วนที่เหลืออีก 3 ล้านบาท และค่าซ่อมแซมอาคาร สุทธิหลังแผ่นดินไหวเมื่อเดือน มี.ค.68 จำนวน 4 ล้านบาท และอัตราภาษีจ่ายลดลงเหลือ 18.8% จาก 20.8% ในช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากได้รับสิทธิประโยชน์ภาษี BOI ประมาณ 15 ล้านบาท ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มผลประกอบการ 4Q68 โดยคาดการณ์ใกล้เคียงเดิม หากพิจารณาเฉพาะ การดำเนินงานปกติ ซึ่งไม่รวมรายการพิเศษ 2 รายการดังกล่าวก่อนหน้า คาดกำไรมีแนวโน้มทรงตัว YoY และ ลดลง QoQ แม้รายได้ รพ.จะปรับตัวดีขึ้นกว่าที่ประเมินก่อนหน้าเล็กน้อย โดยเติบโตระดับ Double Digit YoY ตามจำนวนผู้เข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้น แรงหนุนหลักมาจากผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลาง เช่น กาตาร์, โอมาน รวมถึงเมียนมาร์, ลาว และบังคลาเทศที่มีการส่งต่อเคสหนักต่อเนื่อง และกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยที่ กลับมาเติบโตได้เล็กน้อย YoY จากสภาพอากาศที่ฝนมาช้ากว่าปกติ ทำให้โรคระบาดตามฤดูกาล เช่น ไข้หวัด ใหญ่, RSV และ มือเท้าปาก เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 เป็นต้นมา อีกทั้งเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ ตรวจสุขภาพ โดยมีการตรวจพบโรคสำคัญ เช่น มะเร็งเต้านม/ปอด/ตับ ซึ่งนำไปสู่การรักษาต่อเนื่องกับ PR9 ปัจจัยเหล่านี้จะมาช่วยชดเชยรายได้เดือน ธ.ค. ที่อาจอ่อนตัวลง MOM จากวันหยุดยาวซึ่งกระทบต่อการเข้ารับบริการของทั้งผู้ป่วยคนไทยและต่างชาติ อย่างไรก็ตามกลุ่มเคสที่ไม่เร่งด่วน เช่น ลสิค, ศัลยกรรมความงาม และ การดูแลผิวพรรณ ยังชะลอตัวจากเศรษฐกิจ ทำให้ PR9 ต้องใช้มาตรการส่งเสริมการขายเพิ่มเติม เช่น โปรโมชั่น และส่วนลดเพื่อกระตุ้นการเข้ารับบริการภายในสิ้นปี รวมถึงส่วนลดค่าห้องแก่ผู้ป่วยคนไทยที่ดำเนินต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายนอกเหนือความคุ้มครองของบริษัทประกันฯ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นถูก กดดันเล็กน้อย ด้าน SG&A/Sales คาดสูงกว่าประเมินก่อนหน้าเล็กน้อย จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ยังอยู่ใน ระดับสูง เพื่อรองรับการขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆ เช่น เคนย่า, คาซัคสถาน, ออสเตรเลีย รวมถึงเข้าร่วม กิจกรรม Roadshow ที่ญี ่ปุ ่น, คูเวต และอินโดนีเซีย และอัตราภาษีจ่ายที่คาดจะกลับสู่ระดับปกติ เนื่องจากไม่มี สิทธิประโยชน์ BOI เหมือนไตรมาสก่อนหน้า และในช่วงเดียวกันปีก่อน โดยคาดอยู่ที่ 20% เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ จาก 11.9% ใน 4Q67 และ 14.4% ใน 3Q67 แผนขยาย Capacity ปีหน้า PR9 มีแผนเพิ่มจำนวนเตียงอีก 40 เตียง โดยทยอยเปิดใช้งานช่วงต้นปี 20 เตียง และเพิ่มเตียง ICU อีก 9 เตียง จากจำนวนเตียงให้บริการปัจจุบัน 204 เตียง ส่งผลให้จำนวนเตียงรวมเพิ่มเป็น 253 เตียง เพื่อรองรับความ ต้องการที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ PR9 ยังวางแผนลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการ รักษาโรคที่มีความซับซ้อนและเฉพาะทางมากขึ้น เช่น การสวนหัวใจ การรักษาหลอดเลือดสมอง โดยแผน ดังกล่าวสะท้อนความมุ่งมั่นของ PR9 ในการตอกย้ำจุดแข็งด้านการดูแลผู้ป่วยโรคร้ายแรงและเคสซับซ้อนอย่างมี ประสิทธิภาพ น้ำหนักการลงทุน “Neutral” ราคาเหมาะสมปี 69 อยู่ที่ 31 บาท ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 68 ไว้ที่ 810 ล้านบาท เติบโต 13.7%YoY แม้ภายหลังการประชุม นักวิเคราะห์มีการปรับสมมติฐานรายได้ รพ.ขึ้นเล็กน้อย เพื่อสะท้อนแนวโน้มรายได้ 4Q68 ที่ดีกว่าคาดการณ์เดิม โดยได้รับแรงหนุนจากการระบาดของโรค เช่น ไข้หวัดใหญ่, RSV ซึ่งเร่งตัวขึ้นจากฝนที่มาช้าและมีปริมาณมากกว่า ทุกปี รวมถึงรายได้ตรวจสุขภาพที่สูงกว่าคาด จากการทำตลาดเชิงรุกและการใช้โปรโมชั่นต่างๆ อย่างไรก็ตาม ผลบวกดังกล่าวคาดว่าจะถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายด้านการตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นกว่าคาด จากการขยาย ตลาดใหม่ในหลายๆประเทศ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังใกล้เคียงประมาณเดิม ฝ่ายวิจัยคงราคาเหมาะสมปี 69 อิง DCF อยู่ที่ 31.00 บาท แม้มี Upside สูงถึง 54% จากราคาหุ้นปัจจุบันที่ปรับตัวลงก่อนหน้าตามภาวะตลาด และการปรับฐานของหุ้นกลุ่มการแพทย์ ซึ่งสะท้อนความกังวลต่างๆไปในระดับหนึ่งแล้ว - 3 - อย่างไรก็ดีผลประกอบการปกติ 4Q68 คาดว่ากำไรเพียงทรงตัว YoY และ ลดลง QoQ จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่อยู่ในระดับสูง , ไม่มีแรงหนุนจากสิทธิประโยชน์ภาษี BOI เหมือนใน 4Q67 และ 3Q68 รวมถึงขาดปัจจัยบวกใหม่ช่วงสั้นที่ช่วย ประคองราคาหุ้นได้ ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ในระดับใกล้เคียงกับตลาด คงน้ำหนักการลงทุน Neutral จัดทำโดย : ประสิทธิ์ รัตนกิจกมล CFA,CISA นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 025917 หทัยชนก มูลวงศ์ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 064324 |