GCAP เปิดเกมรุก Q3/68 เร่งเครื่องธุรกิจ Non-Lending หัวหอกรายได้ใหม่ คาดโดรนโดยสารเปิดบินเชิงพาณิชย์กลางปี 69


บมจ.จี แคปปิตอล (GCAP) เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมั่นคงในไตรมาส 3/2568 ลุยขยายธุรกิจใหม่ Non-Lending Business สร้าง New S-Curve อย่าง “โดรนโดยสารอัจฉริยะ (Passenger Drone) ไร้คนขับ” และ “โครงการ Koh Tao Lifestyle Complex” ซึ่งคาดว่าจะเห็น ความคืบหน้าในปี 69 และเป็นแหล่งรายได้ใหม่ในอนาคต แม้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาต้องตั้ง ECL เพื่อบริหารความเสี่ยงเชิงรุก สร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน แต่ยังมองแนวโน้มธุรกิจ โดยรวม เป็นบวก โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อเกษตรที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง


นายอนุวัตร โกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งพัฒนาธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งเป็น Core Business ที่มีความเชี่ยวชาญ โดยตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายใน 3 ปี ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 พอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 628 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบโจทย์ลูกค้า อาทิ “สินเชื่อรถเกี่ยวแลกเงิน” รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์ม “เกษตรแมทช์ชิ่ง” เพื่อเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียม (Fee-based income) และสร้างระบบนิเวศธุรกิจแบบยั่งยืน


ไฮไลท์สำคัญในปีนี้และต่อเนื่องในปี 2569 บริษัทฯ เร่งขยาย Non-Lending Business เข้ามาเสริมทัพ ล่าสุดได้เปิดตัวโดรนโดยสารอัจฉริยะ (Passenger Drone) ไร้คนขับ รุ่น EH216-S จากบริษัท Ehang ประเทศจีน อย่างเป็นทางการในไทยเมื่อเดือนตุลาคม 68 ที่ผ่านมา ผ่านบริษัทย่อย เต่า เอเอเอ็ม จำกัด (TAO AAM) โดยเริ่มเปิดช่วงบินทดสอบ และเตรียมนำร่องให้บริการใน 5 เส้นทาง ท่องเที่ยว ได้แก่ พัทยา ภูเก็ต สมุย พะงัน และเกาะเต่า พร้อมแผนขยายเส้นทางเพิ่มเป็น 11 เส้นทาง ในระยะถัดไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนต่อยอดสู่การให้บริการโดรนขนส่งอุปกรณ์ / เวชภัณฑ์ ทางการแพทย์, พัสดุ, และอาหารในอนาคต เพื่อสร้างรายได้ที่หลากหลายและมั่นคง


โดยสำนักงานการบินพลเรือนฯ (CAAT) มีนโยบายให้การส่งเสริมและสนับสนุนอากาศยาน ไร้คนขับเพื่อการโดยสารให้เกิดขึ้นโดยเร็ว และเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย พร้อมผลักดันกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด ให้การให้บริการอากาศยานไร้คนขับแบบมีผู้โดยสารนี้ เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีในอนาคตที่ปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายในกลางปี 2569


สำหรับความคืบหน้าโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ “เกาะเต่าไลฟ์สไตล์คอมเพล็กซ์” (Koh Tao Lifestyle Complex) โครงการไลฟ์สไตล์ครบวงจรบนพื้นที่กว่า 200 ไร่บนเกาะเต่า ซึ่งจะประกอบ ด้วยโรงแรม 2 แห่ง (บริหารโดยแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลก), พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง, สถานีขึ้นลง อากาศยานแนวตั้ง (Vertiport), ลานกิจกรรมเอนกประสงค์ และกิจกรรมท่องเที่ยวแนวผจญภัย บริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัทผู้ออกแบบชั้นนำ พัฒนาแผนใช้ประโยชน์ที่ดิน (Land Use) เสร็จแล้ว และอยู่ระหว่าง การหาพันธมิตรร่วมลงทุนในแต่ละธุรกิจ คาดว่าเริ่มก่อสร้างภายในปี 2569


อีกหนึ่งโครงการเด่นคือ สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการท่องเที่ยว (EV Motorbike) ปัจจุบันได้เริ่มให้บริการแล้วที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยร่วมมือกับผู้ผลิตรถ KYMCO ในประเทศไทย เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรถเช่าบนเกาะในอัตราที่จูงใจ โครงการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีแผนขยายบริการไปยังเกาะพะงัน, เกาะสมุย และเกาะยาวน้อยในอนาคต เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในงวดไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีรายได้จำนวน 32.03 ล้านบาท ขณะที่มีต้นทุนทางการเงินจำนวน 9.06 ล้านบาท ลดลง 3.18 ล้านบาท หรือ 25.99% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาระการชำระคืนหุ้นกู้ที่ลดลง และมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 18.60 ล้านบาท ลดลง 5.93 ล้านบาท หรือ 24.17% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ


ไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงาน 4.41 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ รายงานผลขาดทุนประจำงวดจำนวน 4.33 ล้านบาท ในงบการเงิน ซึ่งเกิดขึ้นจากการตั้ง ECL ของลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อในไตรมาส 3/2568 จำนวน 4.77 ล้านบาท


นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ออกมาตรการผ่อนปรนและปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้กลุ่มสินเชื่อ ธุรกิจ โดยการขยายระยะเวลาในการชำระคืนให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระคืนของลูกหนี้ ทั้งนี้ตามมาตรฐานบัญชี การปรับโครงสร้างหนี้ทำให้ต้องตั้งผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงสัญญา จำนวน 2.8 ล้านบาท


“GCAP เดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในส่วน Lending และ Non-Lending อย่างมั่นคง แม้จะมีผลขาดทุนจากการตั้ง ECL ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ซึ่ง GCAP มั่นใจว่า การตั้งสำรองเชิงรุกดังกล่าว จะช่วยเสริมฐานะการเงินให้แข็งแกร่ง พร้อมรองรับความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ ต่างๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ โดยยังคงมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG อย่างแท้จริง”