
ปิดแผนที่ดอกเบี้ยบ้านล่าสุด! ส่องอัตราดอกเบี้ยปี 2568 วางแผนกู้ซื้อ-รีไฟแนนซ์อย่างชาญฉลาด สำหรับสินเชื่อ ที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด การอัปเดตข้อมูลอัตราดอกเบี้ยอยู่เสมอจึงเปรียบเสมือนการมีแผนที่นำทางชั้นดี ที่ช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล…
เช็คอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปี 2568 ธนาคารไหนดอกเบี้ยดีสุด

สำหรับเดือนพฤศจิกายน 2568 นี้ ล่าสุด สถานการณ์ดูเหมือนจะเป็นใจให้กับผู้กู้มากขึ้น เมื่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 1.50% ต่อปี (อ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย, 2568) การปรับลดครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งสัญญาณบวกต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม แต่ยังเป็นโอกาสดีที่ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ อาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงในอนาคตอันใกล้ และเพื่อช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เราได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอัตราดอกเบี้ยล่าสุดจากสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศมาให้แล้ว ลองมาดูกันว่าธนาคารไหนมีข้อเสนอที่น่าสนใจบ้าง
| ธนาคาร | MOR (%) | MLR (%) | MRR (%) |
| กรุงเทพ | 6.75 | 6.5 | 6.65 |
| กรุงไทย | 6.62 | 6.5 | 7.045 |
| กสิกรไทย | 6.69 | 6.72 | 6.78 |
| ไทยพาณิชย์ | 6.675 | 6.5 | 6.775 |
| กรุงศรีอยุธยา | 6.725 | 6.75 | 6.87 |
| ทหารไทยธนชาต | 6.95 | 7.15 | 7.305 |
| อาคารสงเคราะห์ | 6 | 6.1 | 6.245 |
| ออมสิน | 6.095 | 6.325 | 6.295 |
| ธกส. | 6.375 | 6.125 | 6.625 |
| ยูโอบี | 7.55 | 7.72 | 8.275 |
| ซีไอเอ็มบี ไทย | 7.85 | 7.825 | 8.725 |
| สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) | 7 | 7 | – |
| ทิสโก้ | 7.45 | 7.55 | 7.6 |
| เมกะ สากลพาณิชย์ | 7 | 6.5 | 6.75 |
| เกียรตินาคินภัทร | 7.6 | 7.65 | 7.6 |
| แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ | 7.65 | 7.425 | 8.28 |
| ไอซีบีซี (ไทย) | 7.425 | 7.275 | 7.35 |
| ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) | 8.43 | 8.93 | 9.7 |
| ธนาคารแห่งประเทศจีน(ไทย) | 8.1 | 7.85 | 8 |
| ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (ไทย) | 7.6 | 6.8 | – |
จากข้อมูลในตาราง เราสามารถแบ่งกลุ่มและวิเคราะห์แนวโน้มของแต่ละสถาบันการเงินเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
กลุ่มธนาคารรัฐและธนาคารเฉพาะกิจ: ผู้นำดอกเบี้ยต่ำ
กลุ่มนี้ยังคงโดดเด่นในฐานะสถาบันการเงินที่เสนออัตราดอกเบี้ยที่เป็นมิตรต่อลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการรายย่อยมากที่สุด
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และ ธนาคารออมสิน ยังคงครองตำแหน่งผู้นำด้านอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยเฉพาะ ธอส. ที่มี MOR เพียง 6%
และ MRR ที่ 6.245%
ซึ่งนับว่าน่าดึงดูดใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสินเชื่อบ้าน ส่วน ธนาคารออมสิน
ก็มีอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยมี MOR ที่ 6.095%
และ MRR อยู่ที่ 6.295%
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีอัตราดอกเบี้ย MLR ที่ 6.125% ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการในภาคการเกษตร
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่: การแข่งขันที่น่าจับตา
ธนาคารกลุ่มนี้มีการแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ยที่สูงและสูสีกันอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนถึงความพยายามในการดึงดูดลูกค้าทุกกลุ่ม
ธนาคารกรุงเทพ, กรุงไทย, และ ไทยพาณิชย์ มีอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) อยู่ที่ 6.5% เท่ากัน ซึ่งเป็นระดับมาตรฐานของตลาดในปัจจุบัน
ในส่วนของลูกค้ารายย่อย (MRR) ธนาคารกรุงเทพ เสนออัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจที่สุดในกลุ่มนี้ที่ 6.65% ตามมาด้วย กสิกรไทย (6.78%) และ ไทยพาณิชย์ (6.775%)
ซึ่งมีอัตราที่ใกล้เคียงกันมาก
ด้าน ทหารไทยธนชาต มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงกว่าเล็กน้อย โดยมี MRR อยู่ที่ 7.305%
กลุ่มธนาคารพาณิชย์อื่นๆ และธนาคารต่างชาติ
กลุ่มนี้มีความหลากหลายของโครงสร้างอัตราดอกเบี้ย ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป
ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) เป็นสถาบันการเงินที่มีโครงสร้างดอกเบี้ยสูงสุดในตาราง โดยมี MRR สูงถึง 9.7% ซึ่งอาจมุ่งเน้นไปที่สินเชื่อประเภทอื่นที่มีความเสี่ยงสูงกว่า
ซีไอเอ็มบี ไทย และ ยูโอบี กำหนดอัตราดอกเบี้ย MRR ในระดับที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน คือ 8.725% และ 8.275%
ตามลำดับ
สิ่งที่น่าสังเกตคือ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) และ ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (ไทย) ไม่ได้ประกาศอัตราดอกเบี้ย MRR ในตารางข้อมูลชุดนี้ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าธนาคารทั้งสองมุ่งเน้นการให้บริการสินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหลัก
โดยสรุปแล้ว การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่แสดงในตารางเป็นเพียงอัตราอ้างอิงเท่านั้น อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่คุณจะได้รับอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้กู้ โปรโมชันของแต่ละธนาคาร และประเภทของสินเชื่อ ดังนั้น การศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้คุณได้รับข้อเสนอทางการเงินที่ดีที่สุด
ข้อสังเกตเพิ่มเติมจากข้อมูล อัตราดอกเบี้ยสูงสุดและกรณีผิดนัด
นอกจากอัตราดอกเบี้ยหลักทั้ง 3 ประเภทแล้ว ข้อมูลในคอลัมน์ “สูงสุด” และ “ผิดนัด” ยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ อัตราดอกเบี้ยในส่วนนี้สะท้อนถึงเพดานความเสี่ยงที่แต่ละสถาบันการเงินประเมินไว้ ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ระดับ 12.00% ของธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ไปจนถึง 35.00% ของธนาคารไทยเครดิต ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ขอสินเชื่อควรทำความเข้าใจในเงื่อนไขสัญญาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ก่อนจะลงลึกในรายละเอียดของแต่ละธนาคาร เรามาทำความเข้าใจความหมายของอัตราดอกเบี้ยแต่ละประเภทกันก่อน

หลังจากที่เราได้สำรวจภาพรวมของอัตราดอกเบี้ย MOR, MLR, และ MRR จากสถาบันการเงินต่างๆ ในบทความก่อนหน้านี้แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาสินเชื่อ คือการทำความเข้าใจวิธีที่ธนาคารนำอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้มาใช้คำนวณเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น บทความนี้จะเจาะลึกวิธีการคำนวณภาระดอกเบี้ย โดยอ้างอิงจากกรณีศึกษาจำลอง ซึ่งดัดแปลงและขยายความจากข้อมูลต้นฉบับ เพื่อให้เห็นภาพการทำงานของอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating Rate) ที่อ้างอิงกับ MRR
กรณีศึกษาจำลอง การคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อ
สมมติว่ามีบุคคลท่านหนึ่งต้องการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขดังต่อไปนี้:
วงเงินกู้ (Principal): 1,000,000 บาท
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง: MRR (สมมติว่าธนาคารประกาศ MRR ณ เวลานั้นอยู่ที่ 7% ต่อปี)
เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยในสัญญา
จากเงื่อนไขดังกล่าว เราสามารถคำนวณภาระดอกเบี้ยในแต่ละปีได้ดังนี้
การคำนวณภาระดอกเบี้ยปีที่ 1 : ในปีแรก สัญญาระบุอัตราดอกเบี้ยคงที่ จึงคำนวณได้โดยตรงจากวงเงินกู้เต็มจำนวน
การคำนวณภาระดอกเบี้ยปีที่ 2 และ 3 : ตั้งแต่ปีที่สองเป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนเป็นแบบลอยตัว ซึ่งอ้างอิงกับ MRR
ของธนาคาร
ดังนั้น ในปีที่ 2 และปีที่ 3 ผู้กู้จะต้องรับภาระดอกเบี้ยปีละ 67,500 บาท เมื่อรวมภาระดอกเบี้ยตลอดระยะเวลา 3 ปี จะมียอดรวมทั้งสิ้น 185,000 บาท (50,000 + 67,500 + 67,500)
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมที่สำคัญ
การคำนวณข้างต้นเป็นเพียงการจำลองเพื่อให้เห็นภาพภาระดอกเบี้ยเบื้องต้น โดยตั้งอยู่บนสมมติฐานว่ายอดเงินต้นคงที่ตลอดระยะเวลา อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติมีปัจจัยสำคัญสองประการที่ผู้กู้ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ดังนั้น การศึกษาเงื่อนไขในสัญญาอย่างละเอียด โดยเฉพาะข้อกำหนดเกี่ยวกับการชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนด (Prepayment) ซึ่งอาจมีค่าปรับ และการติดตามประกาศอัตราดอกเบี้ย MRR อย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ผู้กู้สามารถบริหารจัดการภาระหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ข้อมูลภาพรวม อัตราดอกเบี้ย ประจำเดือนสิงหาคม 2568 ที่นำเสนอไปนั้น ชี้ให้เห็นถึงช่วงเวลาที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการยื่นขอสินเชื่อหรือวางแผนการ รีไฟแนนซ์
เนื่องจากสภาวะการแข่งขันของสถาบันการเงินที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้กู้โดยตรง อย่างไรก็ตาม ตัวเลข อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน
ที่ปรากฏในตาราง ควรถูกมองเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับใช้ประกอบการพิจารณาเท่านั้น
การตัดสินใจเลือกสัญญาเงินกู้ที่เหมาะสมที่สุด มิใช่เป็นเพียงการเปรียบเทียบตัวเลขอัตราดอกเบี้ย MRR, MLR, หรือ MOR ที่ต่ำที่สุด แต่คือการประเมินเงื่อนไขผูกพันทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผู้ที่ประสงค์จะขอ สินเชื่อ จำเป็นต้องตรวจสอบข้อกำหนดปลีกย่อยในสัญญาอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมดำเนินการ, ข้อบังคับในการทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA), และเงื่อนไขกรณีต้องการชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนด ตาราง อัตราดอกเบี้ย
ที่รวบรวมไว้จึงทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำหรับเปรียบเทียบในเบื้องต้น แต่การจะได้รับอนุมัติสินเชื่อในเงื่อนไขที่คุ้มค่าที่สุดนั้น จำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์เชิงลึกและการเจรจาต่อรองควบคู่กันไป
ท้ายที่สุดนี้ แม้แนวโน้ม อัตราดอกเบี้ย จะมีเสถียรภาพ แต่ปัจจัยทางเศรษฐกิจยังคงผันผวนได้เสมอ การปรับเปลี่ยนนโยบายจากธนาคารแห่งประเทศไทยอาจส่งผลกระทบต่อภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ ฉะนั้น การติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และการทำความเข้าใจกลไกของ อัตราดอกเบี้ย
แบบลอยตัว ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ท่านสามารถบริหารจัดการภาระผูกพันทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่การได้รับเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ที่สอดคล้องกับศักยภาพทางการเงินและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตัวผู้กู้เอง
ปล.ข้อมูลในบทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางและให้ภาพรวมทั่วไปเท่านั้น แม้เราได้พยายามอย่างยิ่งเพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่ แต่ไม่สามารถรับประกันความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะบุคคลได้ ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลนี้เพื่อการตัดสินใจทางการเงิน การลงทุน หรือทางกฎหมายโดยทันที และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถพิจารณาสถานการณ์ส่วนบุคคลของท่านได้โดยตรง การตัดสินใจใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้อ่านแต่เพียงผู้เดียว
อ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “Community สังคมแห่งการลงทุน” เพื่อ เชื่อมต่อ พูดคุย แลกเปลี่ยน ไอเดียการลงทุน มาร่วมสร้างเครือข่ายนักลงทุนให้เติบโตไปด้วยกัน เข้าร่วมกับเรา: efinancethaiconnect