แนวโน้มกำไร 4Q68 ยังอ่อนแอลงFlash Points . • ยอดขายและกำไรของ SAPPE ใน 4Q68 ยังมีแนวโน้มอ่อนแอลงทั้ง QoQ และ YoY โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) คาดยอดขายรวมยังหดตัวทั้ง QoQ และ YoY จากผลของปัจจัยฤดูกาลที่เป็น low season ของการส่งออก ประกอบกับปัญหาเฉพาะตัวในหลายประเทศยังไม่คลี่คลาย ได้แก่ อินโดนีเซีย (ผู้กระจายสินค้า) เกาหลีใต้ (กำลังซื้อชะลอตามภาวะเศรษฐกิจ) สหรัฐฯ (ผลกระทบจากภาษีนำเข้า) และตะวันออกกลาง (ภูมิรัฐศาสตร์) 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) น่าจะลดลง YoY เนื่องจากถูกกดดันจากประสิทธิภาพการผลิตที่ต่ำลงตามยอดขาย และค่าเงินบาทที่แข็งค่า อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบ QoQ คาดมาร์จิ้นลดลงไม่มากหรืออาจทรงตัวได้ เนื่องจากค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย 3) ค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายอาจทรงตัว QoQ และน่าจะลดลงได้ YoY เนื่องจากบริษัทจะมีการใช้งบประมาณด้านการตลาดที่ลดลง Impact Insight. • บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตยอดขายในปี 2569 ไว้ที่ 15% จากปีนี้ที่ยอดขายอาจหดตัวแรงถึง 20% ซึ่งจะมีการนำกลยุทธ์การขยายช่องการจำหน่าย การออกสินค้าใหม่ประกอบกับนโยบายด้านราคาเข้ามาช่วยเป็นปัจจัยผลักดันยอดขาย อย่างไรก็ดี เรามองเป้าหมายของบริษัทยังค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากการเติบโตในประเทศหลักอย่างเช่นไทย และเกาหลีใต้ยังถูกกดดันด้วยสภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขัน นอกจากนี้ เรายังกังวลว่ามาร์จิ้นจะถูกกดดันจากการใช้กลยุทธ์ด้านราคาและค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานใหม่ราว 30 ล้านบาท/ปี โดยจะเริ่มบันทึกในงวด 1Q69 Execution. • เนื่องจากกำไรงวด 9M68 คิดเป็นเพียง 69% ของประมาณการทั้งปี 2568 ส่งผลให้อาจมี downside จากคาดการณ์กำไรของเราใน 2568 ที่ 954 ล้านบาท ( -24% YoY) และปี 2569 ที่ 1.02 พันล้านบาท (+7% YoY) ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “Underperform” และคงราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 35.75 บาท (อิงระดับ PER ที่ 10.8 เท่า หรือ -2.0S.D.) เนื่องจาก 1) แนวโน้มยอดขายและกำไรที่คาดยังอ่อนแอลงทั้ง QoQ และ YoY ใน 4Q68 2)ในปี 2569 ยอดขายในหลายประเทศหลักยังมีปัญหาเฉพาะตัว 3) คาดมาร์จิ้นมีแรงกดดันจากการใช้กลยุทธ์ด้านราคาและค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า แนวโน้มกำไร 4Q68 ยังอ่อนแอลง ตามยอดขายที่ไม่ฟื้นในหลายประเทศ. ฝ่ายวิจัยประเมินยอดขายและกำไรของ SAPPE ใน 4Q68 ยังมีแนวโน้มอ่อนแอลงทั้ง QoQ และ YoY โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ . 1) คาดยอดขายรวมยังหดตัวทั้ง QoQ และ YoY ซึ่งยอดขายที่หดตัว QoQ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยฤดูกาล เนื่องจากการส่งออกจะชะลอลงในช่วงปลายปีที่เป็นเทศกาลวันหยุดยาว ขณะที่ในส่วนของ YoY แม้ว่าการหดตัวน่าจะน้อยกว่าใน 3Q68 ที่หดตัว -14% YoY แต่เนื่องจากปัญหาเฉพาะตัวในหลายประเทศยังไม่คลี่คลาย ได้แก่ อินโดนีเซีย (ผู้กระจายสินค้า) เกาหลีใต้ (กำลังซื้อชะลอตามภาวะเศรษฐกิจ) สหรัฐฯ (ผลกระทบจากภาษีนำเข้า) และตะวันออกกลาง (ภูมิรัฐศาสตร์) ซึ่งอาจมีเพียงภูมิภาคยุโรปที่กลับมาเติบโต YoY หลังจากปัญหาการระบาย สต๊อกของคู่ค้าคลี่คลายลงในช่วงกลางปีนี้ . 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) น่าจะลดลง YoY เนื่องจากถูกกดดันจากประสิทธิภาพการผลิตที่ต่ำลงตามยอดขาย และค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยเฉลี่ย QTD อยู่ที่ 32.49 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับ 34.00 บาท/ดอลลาร์ ใน 4Q67 อย่างไรก็ดี คาดมาร์จิ้นลดลงไม่มากหรืออาจทรงตัว QoQ ได้ เนื่องจากค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย จาก 32.30 บาท/ดอลลาร์ ใน 3Q68 . 3) ค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายอาจทรงตัว QoQ เนื่องจากบริษัทจะมีการใช้งบประมาณด้านการตลาดที่ลดลงแต่จะถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายด้านบริหารที่สูงขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายและบริหารต่อยอดขายน่าจะลดลงได้ YoY จากฐานสูงในปีที่แล้วที่มีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดสูง คงคำแนะนำ “Underperform” ประเมินเป้าหมายปี 2569 ที่ 35.75 บาท. เนื่องจากกำไรงวด 9M68 คิดเป็นเพียง 69% ของประมาณการทั้งปี 2568 ส่งผลให้อาจมี downside จากคาดการณ์กำไรของเราใน 2568 ที่ 954 ล้านบาท ( -24% YoY) และปี 2569 ที่ 1.02 พันล้านบาท (+7% YoY) ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “Underperform” และคงราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 35.75 บาท (อิงระดับ PER ที่ 10.8 เท่า หรือ -2.0S.D.) เนื่องจาก 1) แนวโน้มยอดขายและกำไรที่คาดยังอ่อนแอลงทั้ง QoQ และ YoY ใน 4Q68 2) ในปี 2569 ยอดขายในหลายประเทศหลักยังมีปัญหาเฉพาะตัว 3) คาดมาร์จิ้นมีแรงกดดันจากการใช้กลยุทธ์ด้านราคาและค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า จัดทำโดย : ธิดารัตน์ ผโลดม นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 016564
|