มุ่งหน้าสู่พายุที่ไม่อาจเลี่ยงได้Event ปรับลดคำแนะนำกับกำไรใหม่และแนวโน้มธุรกิจ Impact มองธุรกิจบรรจุภัณฑ์เป็นลบท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ต่ำกว่าคาด เรามีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นต่อแนวโน้มธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษตามข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ย่ำแย่ลงซึ่งอาจดำเนินต่อไป โดยตัวชี้วัด ต.ค. 68 ของจีนออกมาต่ำกว่า consensus ในทุกด้าน อย่าง ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงเหลือ 4.9% และยอดค้าปลีกโตต่ำเพียง 2.9% ความกังวลหลักอยู่ที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรหดตัว 1.7% และราคาบ้านมือสองดิ่งลง 0.66% ซึ่งเป็นการลดลงที่รุนแรงที่สุดในรอบ 13 เดือน สำหรับ SCGP ตัวเลขเหล่านี้ส่งสัญญาณถึงภัยคุกคามสองด้าน: การบริโภคในจีนซบเซาจำกัดความอุปสงค์บรรจุภัณฑ์ขั้นกลาง (Packaging intermediate) ขณะที่ ภาวะล้นตลาดภายในประเทศจีนยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่คู่แข่งชาวจีนจะรุกส่งออกอย่างหนัก (dumping) มายัง ASEAN เพื่อชดเชยยอดขายในประเทศจีนที่หายไป โดยสรุป SCGP อาจเผชิญกับอุปสรรคด้านปริมาณขายและ margin บีบตัว โดย SCGP มีสัดส่วนรายได้ทางอ้อมจากจีนอยู่ที่ 15–20% (และทางตรง 4%) กระดาษบรรจุภัณฑ์ในจีนชะลอตัวและการฟื้นตัวในไทยจำกัด ยอดปริมาณนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์ (containerboard) ของจีนทรงตัวที่ 4.9 แสนตันใน ต.ค. 68 (Figure 4) ซึ่งเติบโตที่ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ส่งสัญญาณถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอและต่ำกว่าระดับปกติในอดีตที่ 8–9 แสนตัน ขณะที่ยอดนำเข้าสะสม YTD ช่วง 9M68 อยู่ที่ 5.5 ล้านตัน (-21% YoY) โดยที่ในประเทศไทย (คิดเป็น 45% ของรายได้ SCGP) คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวเพียงจำกัดจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่อ่อนแอ ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องและปัญหาน้ำท่วมในหลายภูมิภาคเมื่อเทียบกับปี 2567 รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงด้วย แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะเริ่มฟื้นตัวก็ตาม กำไร 4Q68F มีแนวโน้มถูกกดดันจากราคาและปริมาณขาย ในเบื้องต้นเราคาดกำไรหลัก 4Q68F มีแนวโน้มจะลดลง QoQ (ก่อนหน้านี้คาดว่าจะดีขึ้น QoQ) แม้จะมียอดขายช่วงสิ้นปีเข้ามาช่วยพยุงก็ตาม แต่ SCGP อาจมีความท้าทายในการปรับขึ้นราคาขายให้สอดคล้องกับ Indah Kiat (APP) (ผู้เล่นรายใหญ่สุดในอินโดนีเซีย) ขณะที่ปริมาณขายอาจถูกฉุดจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ย่ำแย่ ส่วนเส้นทางการฟื้นตัวของ Fajar ก็ยังคงไม่แน่นอนว่าจะกลับมาทำกำไรได้ตามเป้าปี 2569F หรือไม่ ผลจากการบริโภคในอินโดนีเซียชะลอตัวกว่าคาด Valuation and action เราปรับลดคำแนะนำ SCGP ลงเป็น “ขาย” (จากซื้อ) และปรับลดราคาเป้าหมายลงที่ 14.40 บาท (จากเดิม 22.00 บาท) สะท้อนการปรับลด EV/EBITDA ลงที่ (6.3x (-2.5SD) (จาก 7.9x) รวมทั้งปรับลดกำไรปี 2568-70F ลง 3-6% ตามปริมาณและราคาขายที่ต่ำลง (Figure 2) ซึ่งต่ำกว่า consensus อยู่ราว 10-11% ทั้งนี้ ความเสี่ยงของคำแนะนำคือ การเติบโตทางเศรษฐกิจในจีนและไทยอาจแข็งแกร่งกว่าคาด Risks ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน, ความเสี่ยงด้อยค่าดีล M&A และความเสี่ยงของประเทศ. Wetid Tangjindakun, CISA 66.2658.8888 Ext. 8855 wetidt@kgi.co.th |