แนวโน้มไม่น่าตื่นเต้นEvent ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ 3Q68 มีโทนเป็นกลางเช่นเดียวกับแนวโน้มในอนาคต
Impact มีโทนเป็นกลางอยู่ 2 ประเด็นและเชิงลบอีก 1 ประเด็น ดังนี้: i) เป็นกลาง #1: Guidance ปี 2569 ยังไม่โดดเด่น OSP ตั้งเป้าอัตราการเติบโตยอดขายเป็นเลขหลักเดียวกลาง ๆ (สูงกว่า GDP growth) (เทียบกับสมมติฐานของเราที่ +2% YoY ในปี 2569F และ -7% YoY ช่วง 9M68) นำโดยกลุ่มเครื่องดื่มต่างประเทศและกลุ่มของใช้ส่วนตัวที่เติบโตดี แต่ยอดขายเครื่องดื่มในประเทศเติบโตเล็กน้อย ซึ่งสอดคล้องกับศักยภาพการเติบโตในแต่ละส่วน นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ปี 2569F จะเพิ่มในอัตราที่ช้าลงซึ่งตรงกับสมมติฐานของเราที่ 39.9% และ 40.1% ในปี 2568-69F ทางด้าน CAPEX วางงบไว้ราว 400-500 ล้านบาท เพื่อใช้นวัตกรรมและขยายช่องทางการจัดจำหน่าย (Figure 1) ii) เป็นกลาง #2: ปัจจัยหนุนหลักไม่เปลี่ยนแปลง กลยุทธ์ two-tier pricing ของ OSP (ขวดละ 12 และ 10 บาท) จะยังคงใช้ในกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ (สัดส่วน 60% ของยอดขายรวม) นอกจากส่วนแบ่งการตลาดใน modern trade (MT) ดีขึ้นแล้ว OSP จะรุกทวงคืนส่วนแบ่งการตลาดในช่องทาง traditional trade (TT) กลับมาหลังเสียส่วนแบ่งให้คู่แข่งไปบ้างช่วง 9M68 (สัดส่วน TT:MT จาก 65:35 เป็น 60:40 ปัจจุบัน) สุดท้ายบริษัทจะเน้นยอดขายต่างประเทศที่ตลาด Middle East กับ North Africa มากขึ้น (ปัจจุบันสัดส่วนยังน้อย) ส่วนรายได้ที่เมียนมา (70% ของยอดขายต่างประเทศ) ฟื้นตัว YoY ตั้งแต่ ก.ย. 68 ต่อเนื่องถึง 4QTD iii) เป็นลบ: ความกังวลเรื่องมาร์จิ้นกดดัน แม้ GPM ในต่างประเทศจะสูงกว่า แต่ OSP กำลังเผชิญการแข่งขันในเมียนมาที่สูงขึ้นจากการที่ CBG ได้เปิดโรงงานใหม่ใน 3Q68 ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบโต้ ทาง OSP ได้เปิดตัว Low-tier SKU ใหม่ คือ M-150 แบบกระป๋อง (ราคาขายปลีก 13–15 บาท) ควบคู่ไปกับ SKU กลุ่มพรีเมี่ยมอย่าง Shark (25–28 บาท) ในสัดส่วน Mix ที่ 15:85 โดยวางแผนที่จะขยายสัดส่วน SKU ใหม่ ๆ นี้ให้ถึง 50–60% ภายใน 2–3 ปีข้างหน้า แม้ผลกระทบระยะสั้นจะดูจำกัด แต่ตลาดอาจมีความกังวลมากขึ้นจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นทำให้อาจคุกคามตลาดในเมียนมา ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักในต่างประเทศของ OSP แนวโน้มกำไรปัจจุบันกำไรหลักปี 2568–70F ของเราใกล้เคียง consensus โดยคาดว่ากำไรหลัก 4Q68F จะขยับขึ้น QoQ ได้รับอานิสงส์จาก high season ของกลุ่มของใช้ส่วนตัวและยอดขายเครื่องดื่มในประเทศที่ดีขึ้น ล่าสุดส่วนแบ่งการตลาดเชิงมูลค่าของ OSP ใน ต.ค. 68 อยู่ที่ 44.0% (+0.0% MoM แต่ -0.5% ตั้งแต่ ธ.ค. 2565) ขณะที่ ส่วนแบ่งตลาดเชิงปริมาณลดลงที่ 30.1% (-0.4% MoM) ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการขาดแคมเปญโปรโมชั่น ขณะที่ คู่แข่งมีแคมเปญออกมาเป็นระยะ (Figure 2-3) Valuation & action เรายืนยันคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 17.00 บาท (อิง PE ที่ 14x จากค่าเฉลี่ย -2SD) แม้ราคามี valuation ที่ยังไม่แพงแต่ยังไม่มี re-rating catalyst ที่แข็งแกร่งท่ามกลางการแข่งขันสูงขึ้นและสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ Risks การแข่งขันเข้มข้น, เศรษฐกิจชะลอตัว, พฤติกรรมผู้บริโภคและต้นทุนวัตถุดิบต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป Wetid Tangjindakun, CISA 66.2658.8888 Ext. 8855 wetidt@kgi.co.th |