การยื่นข้อเสนอของ Netflix เพื่อเข้าซื้อธุรกิจในฝั่งสตูดิโอและบริการสตรีมมิ่งของ Warner Bros. Discovery (WBD) ด้วยมูลค่า 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในดีลที่มีมูลค่าสูงสุดของวงการสื่อในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการสื่ออเมริกันและทั่วโลกขึ้นมาทันที ท่ามกลางการจับตามองของหลายฝ่ายถึงแรงกระเพื่อมที่จะพลิกโฉมธุรกิจบันเทิงในระดับโลก เพราะหากดีลนี้สำเร็จลงอย่างสมบูรณ์ นั่นแปลว่า Netflix จะได้ครอบครองคอนเทนต์ซีรีส์และภาพยนตร์ระดับตำนาน อย่าง Harry Potter และหลายเรื่องใน DC Universe, เครือข่าย HBO รวมถึงสตูดิโอขนาดใหญ่ของ WBD แต่ยังมีคำถามและความท้าทายที่ตามมาเรื่องการผูกขาดตลาด ที่หลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวล ซึ่งต้องจับตาดูกันต่อไปในเกมนี้ สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า Netflix ประกาศเมื่อวันศุกร์ (5 ธ.ค.) ถึงการบรรลุข้อตกลงเข้าซื้อธุรกิจดังกล่าวของ Warner Bros. Discovery แม้ที่ผ่านมา Netflix จะปฏิเสธออกสื่อหลายครั้ง หลังมีข่าวลือหนาหูเรื่องการเข้าซื้อสตูดิโอขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของฮอลลีวูด ก่อนที่จะมีรายชื่อของเจ้าพ่อสตรีมมิ่งรายนี้ปรากฏในรายงานข่าวเป็นหนึ่งในผู้ที่แสดงความสนใจเข้าร่วมการประมูลธุรกิจของ Warner Bros. Discovery เมื่อวันที่ 21 ต.ค. โดยรายชื่อผู้ร่วมประมูลมี Paramount Skydance รวมอยู่ด้วย ซึ่งรายนี้เคยยื่นข้อเสนอไปแล้วถึงสามครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธ และอีกเจ้าคือ Comcast ยักษ์ใหญ่แห่งวงการสื่อสหรัฐฯ เจ้าของ NBCUniversal ขณะที่รายละเอียดแผนของ Netflix และการพิจารณาของบอร์ดบริหาร Warner Bros ซึ่งอ้างอิงจากการสัมภาษณ์บรรดาที่ปรึกษาและผู้บริหาร สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานไว้เป็นครั้งแรกที่นี่ โอกาสทางธุรกิจ แรงจูงใจของ Netflix ในตอนแรกนั้น มาจากการอ่านเกมได้อย่างรวดเร็วของผู้บริหารถึงโอกาสทางธุรกิจของ Warner Bros ที่นอกเหนือไปจากขุมทรัพย์มหาศาลในคลังภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ของสตูดิโอที่ก่อตั้งมานานกว่าศตวรรษ ที่จะเข้าถึงผู้ชมของ Netflix แหล่งข่าววงในระบุว่า คอนเทนต์ที่มีอยู่แล้วในคลังของ Warner Bros นั้น มีคุณค่าที่สามารถต่อยอดไปสู่บริการสตรีมมิ่ง เนื่องจากภาพยนตร์และรายการเหล่านี้คิดเป็น 80% ของการรับชม หน่วยธุรกิจของ Warner Bros โดยเฉพาะการจัดจำหน่ายและส่งเสริมการฉายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ และสตูดิโอ จะเป็นกำลังเสริมให้กับ Netflix และในทางกลับกัน บริการสตรีมมิ่งอย่าง HBO Max ก็จะได้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ Netflix เก็บสั่งสมตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยเร่งการเติบโตของ HBO ด้วยเช่นกัน | เปรียบเทียบข้อเสนอซื้อกิจการ Warner Bros Discovery | | บริษัทที่ยื่นประมูล | มูลค่าข้อเสนอ (โดยประมาณ) | ขอบเขตการซื้อกิจการ | ลักษณะข้อเสนอและผลการพิจารณา | | Netflix | 72,000 ล้านดอลลาร์ | ซื้อเฉพาะ สตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์, HBO และบริการสตรีมมิ่ง HBO Max (ยกเว้นธุรกิจเครือข่ายเคเบิลทีวี) | ข้อเสนอที่ WBD ตอบรับ เหตุผลเพราะเป็นข้อเสนอเดียวที่มีผลผูกพันและมีความสมบูรณ์ ให้ผลประโยชน์ที่รวดเร็ว คิดเป็นมูลค่า 27.75 ดอลลาร์ต่อหุ้น | | Paramount Skydance | 78,000 ล้านดอลลาร์ | เสนอซื้อทั้งบริษัท Warner Bros Discovery (รวมถึงส่วนของเครือข่ายเคเบิลทีวี) | ยื่นข้อเสนอที่สูงถึง 30 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ WBD กังวลการจัดหาเงินทุน จึงปฏิเสธข้อเสนอ | | Comcast | ไม่ได้ระบุมูลค่าตัวเลขที่ชัดเจน | เสนอควบรวม หน่วยงานด้านความบันเทิงของตนเข้ากับ Warner Bros Discovery | ถูกปฏิเสธ เนื่องจากข้อเสนอมีลักษณะเป็นการควบรวมที่ต้องใช้เวลาหลายปีในการดำเนินงาน | จุดเริ่มต้นของการเจรจา แหล่งข่าวอีกรายที่ทราบเรื่องนี้เผยกับรอยเตอร์ว่า Netflix เริ่มสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการสตูดิโอและบริการสตรีมมิ่งของ Warner Bros หลังจากที่ WBD ประกาศแผนการเมื่อเดือนมิ.ย. เพื่อแตกบริษัทจดทะเบียน ออกเป็นสองบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ โดยแยกเครือข่ายเคเบิลทีวีที่แม้จะได้รับความนิยมลดลง แต่ยังสร้างกระแสเงินสด ออกจากสตูดิโอ Warner Bros, HBO และบริการสตรีมมิ่ง HBO Max ขณะที่กระบวนการประมูลเป็นไปอย่างเข้มข้นขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อ Netflix โดดร่วมวงประมูล ขับเคี่ยวกับ Paramount และ Comcast บริษัทแม่ของ NBCUniversal เจาะเกมประมูล Warner Bros Warner Bros เริ่มประมูลในเดือนต.ค. หลังจากที่ Paramount ยื่นข้อเสนอครั้งแรก (จากทั้งหมดสามครั้ง) ในเดือนก.ย. แหล่งข่าวระบุว่า เป้าหมายของ Paramount นั้นไม่ต้องการแยกธุรกิจ แต่ต้องการซื้อธุรกิจทั้งหมดของ Warner Bros (รวมถึงช่องเคเบิล CNN และ TNT ด้วย) เพราะหากแยกซื้อเฉพาะบางส่วน จะบั่นทอนความสามารถในการรวมธุรกิจเครือข่ายโทรทัศน์แบบดั้งเดิม ขณะเดียวกันยังเพิ่มเสี่ยงที่จะถูกบริษัทอย่าง Netflix ตัดหน้าเสนอราคาที่สูงกว่า เพื่อเข้าซื้อสตูดิโอ ในช่วงเวลานั้น JPMorgan Chase ได้ให้คำปรึกษาแก่เดวิด ซาสลาฟ (David Zaslav) ซีอีโอของ Warner Bros. Discovery โดยแนะนำให้แยกกิจการ โดยแยกหน่วยธุรกิจ Discovery Global ซึ่งประกอบด้วยเคเบิลทีวีของบริษัทออกไปก่อน การทำเช่นนี้จะทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงมีทางเลือกในการขายสตูดิโอ, บริการสตรีมมิ่ง และสินทรัพย์ด้านคอนเทนต์ ซึ่งที่ปรึกษาเชื่อว่าจะดึงดูดความสนใจผู้เข้าร่วมประมูลได้ดีกว่า ผู้บริหารและทีมที่ปรึกษาของ Netflix ซึ่งรวมถึงวาณิชธนกิจ Moelis & Company, Wells Fargo และสำนักงานกฎหมาย Skadden, Arps, Slate, Meagher & Flom ได้จัดประชุมทางโทรศัพท์ทุกเช้าในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา รวมถึงในช่วงโค้งสุดท้ายตลอดสัปดาห์วันขอบคุณพระเจ้า เพื่อเตรียมข้อเสนอให้ทันกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ธ.ค. ส่วนในฝั่งบอร์ดบริหารของ Warner Bros มีการประชุมทุกวันในช่วงแปดวันสุดท้ายก่อนประกาศผลการตัดสินใจในวันพฤหัสบดี (4 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ผลคือ คณะกรรมการระบุว่า Netflix ได้ยื่นข้อเสนอ ซึ่งเป็นข้อเสนอเดียวที่พิจารณาแล้วเห็นว่า มีผลผูกพันทางกฎหมายและมีความสมบูรณ์ คณะกรรมการบริหารจึงให้ความเห็นชอบข้อตกลงของ Netflix ซึ่งจะให้ผลประโยชน์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่าข้อเสนอของ Comcast ที่เสนอให้รวมแผนกบันเทิงของตนเอง เข้ากับ Warner Bros. Discovery เพื่อสร้างหน่วยธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นซึ่งจะแข่งขันกับ Walt Disney ได้ แต่แหล่งข่าวระบุว่า การดำเนินการตามข้อเสนอของ Comcast จะต้องใช้เวลาหลายปี ด้าน Paramount แม้จะเพิ่มข้อเสนอเป็น 30 ดอลลาร์ต่อหุ้นเพื่อซื้อทั้งบริษัท ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหุ้นเท่ากับ 78,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่แหล่งข่าวอื่น ๆ ระบุว่า บอร์ดบริหารของ Warner Bros มีความกังวลเรื่องการจัดหาเงินทุน Netflix ยอมควักเกือบ 6 พันล้านดอลล์ หากดีลล่ม เพื่อสร้างความมั่นใจในดีลครั้งนี้ Netflix เสนอที่จะจ่ายค่าธรรมเนียม หากมีการยกเลิกข้อตกลง (Breakup fee) ก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการ M&A เป็นมูลค่า 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอีกนัยหนึ่ง ก็สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบริษัทว่าจะได้รับไฟเขียวจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า "ไม่มีใครคิดจะเอาเงิน 6,000 ล้านดอลลาร์ ไปเผาทิ้งหรอก หากไม่มั่นใจขนาดนั้น” จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายในคืนวันพฤหัสบดี เมื่อ Netflix ทราบว่า ฝั่ง Warner Bros ตอบรับข้อเสนอ เสียงปรบมือและโห่ร้องแสดงความยินดีดังก้องในที่ประชุม แต่ทว่า ผู้บริหารคนหนึ่งของ Netflix ก็ยอมรับว่า พวกเขาเองคิดว่ามีโอกาสเพียง 50-50 เท่านั้น หวั่นกินรวบ – ผูกขาดวงการสื่อ เส้นทางที่จะได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านกฎระเบียบอาจไม่ง่ายอย่างที่คิดสำหรับดีลนี้ ปัจจุบัน Netflix มีสมาชิกทั่วโลก 300 ล้านคน ณ สิ้นปี 2024 ขณะที่ HBO Max มีประมาณ 128 ล้านคน ณ วันที่ 30 ก.ย. ปีนี้ ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ตลาด Sensor Tower เผยว่า ปัจจุบัน Netflix มีสัดส่วนผู้ที่ยังคงใช้งานผ่านแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่องทุกเดือน คิดเป็นสัดส่วน 46% ของตลาดสตรีมมิ่งทั่วโลก เมื่อรวมกับ HBO Max แล้ว ตัวเลขส่วนแบ่งดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 56% นักวิเคราะห์จาก William Blair มองว่า "ข้อตกลงนี้จะยิ่งตอกย้ำสถานะของ Netflix ในฐานะบริการสตรีมมิ่งชั้นนำด้านคอนเทนต์ออริจินัล" ขณะเดียวกัน ด้วยขนาดของข้อตกลง นั่นทำให้ความเสี่ยงที่จะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทั้งจากคนในอุตสาหกรรมและฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เอลิซาเบธ วอร์เรน (Elizabeth Warren) วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครต รัฐแมสซาชูเซตส์ ออกแถลงการณ์ว่า "ข้อตกลงนี้ดูเหมือนเป็นฝันร้ายสำหรับการต่อต้านการผูกขาด การรวมธุรกิจระหว่าง Netflix และ Warner Bros นั้น จะสร้างยักษ์ใหญ่ด้านสื่อที่ควบคุมตลาดสตรีมมิ่งไปเกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจนำไปสู่การบีบให้ชาวอเมริกันต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิกที่สูงขึ้น และมีตัวเลือกในการรับชมที่ลดลง ทั้งยังทำให้คนงานชาวอเมริกันตกอยู่ในความเสี่ยงด้วย" การควบรวมกิจการนี้ยังจะทำให้ Netflix สามารถควบคุมสตูดิโอภาพยนตร์ Warner Bros. นำไปสู่คำถามตามมาว่า จำนวนหรือระยะเวลาการฉายตามปกติของภาพยนตร์ยอดนิยมอาจลดลงตามไปด้วยหรือไม่ หลังจากนี้ บริษัทอาจเผชิญกับการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับข้อตกลงมูลค่ามหาศาล ที่จะดึงเอากลุ่มผลประโยชน์ นักการเมือง และคู่แข่งทางธุรกิจให้ออกมาคัดค้านด้วยเหตุผลเรื่องการต่อต้านการผูกขาด หลังจากนี้ คาดว่าจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ที่จะต้องทบทวนดีลนี้ เช่นเดียวกับการควบรวมกิจการที่ผ่านมา ซึ่งอาจกินเวลาตั้งแต่หลายเดือนไปจนถึงมากกว่าหนึ่งปี ด้าน Netflix คาดว่า กระบวนการน่าจะเสร็จสิ้นภายใน 12 - 18 เดือน หลังจากที่ Warner Bros. Discovery ได้แยกกลุ่มเครือข่ายธุรกิจเคเบิลทีวีออกไปตั้งเป็น Discovery Global แล้ว ที่มา CNBC และ Reuters  |